‘ทิพานัน’ เผย “บิ๊กตู่” เดินหน้านโยบายเพื่ออนาคตได้สำเร็จ วอนฝ่ายค้านเดินหน้าพัฒนาชาติไปด้วยกัน

การเมือง

‘ทิพานัน’ เผย “บิ๊กตู่” เดินหน้านโยบายเพื่ออนาคตได้สำเร็จ วอนฝ่ายค้านเดินหน้าพัฒนาชาติไปด้วยกัน

วันอาทิตย์ ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 14.34 น.

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

‘ทิพานัน’ เผย “บิ๊กตู่” เดินหน้านโยบายเพื่ออนาคตได้สำเร็จ  วางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้งระบบ ปูทางสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปั้นเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล วอนฝ่ายค้านเดินหน้าพัฒนาชาติไปด้วยกัน

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม 2565   น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมกับรัฐมนตรีได้รับความไว้วางใจให้บริหารต่อไป ซึ่งเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะเร่งเดินหน้าบริหารประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้งระบบ ที่จะเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ประกอบก้วย ภาคขนส่งทางถนน ขนส่งทางราง ขนส่งทางน้ำ และขนส่งทางอากาศ โดยมีมูลค่าลงทุนโครงการสำคัญ40 โครงการ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า  ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ท่านนายกรัฐมนตรี ได้เน้นบูรณาการ ถนน ราง น้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงกัน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  อย่างในปี 2565 นี้  ประเทศไทยจะมีระบบรถไฟทางคู่ จะก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 เส้นทางรวม 568 กม.  ทำให้ไทยมีรถไฟทางคู่รวม 1,111 กม. และกำลังก่อสร้างอีก 2 โครงการ ระยะรวม 678 กม. รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับโครงการระยะที่สองรวม 1,483 กม.  พร้อมกับการพัฒนาสร้างท่าเรือบก (Dry Port) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งทางรถไฟได้อย่างรวดเร็ว และตรงเวลาด้วย    รัฐบาลยังได้มีเตรียมตัวแข่งขันเรื่องการขนส่งทั้งคนทั้งของ ด้วยรถไฟความเร็วสูง 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ความเร็วในการวิ่งรถสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จะแล้วเสร็จปี 2569 นี้  โครงการนี้เป็นการสร้างโอกาสครั้งใหญ่ที่จะเชื่อมไทยสู่ประเทศคู่ค้าสำคัญๆ เช่น จีน  และตลอดเส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงเข้าถึงอุตสาหกรรมอื่นๆจะเติบโตอีกมาก  และภายในปี  2565 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา เพื่อเข้าสู่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่  ที่มีการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ส่วนในภาคการขนส่งทางถนน ภายในปี 2566  นี้ รัฐบาลคาดว่าจะเปิดใช้ทางหลวงพิเศษหรือมอเตอร์เวย์ที่จะช่วยให้การเดินทางระหว่างภูมิภาคเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางปะอิน-โคราช  ระยะทาง 196 กิโลเมตร  ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร  ซึ่งเส้นทางการก่อสร้างถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับระบบราง ทำให้การพัฒนาพื้นสนับสนุนการสร้างโอกาสกันและกัน ลดการเวนคืนที่ดินส่งเสริมการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วขึ้นในส่วนการขนส่งทางอากาศ ระหว่างปี 2564-2567  มีการปรับสนามบินให้รองรับนักเดินทาง-การขนส่ง ได้มากขึ้น เช่น สนามบินสุวรรณภูมิจะมีการก่อสร้างอาคาร-สร้างรันเวย์เพิ่มขึ้น เพื่อให้รองรับเที่ยวบินได้ 94 เที่ยวต่อชม.   และภายในปี 2570 สนามบินดอนเมือและสนามบินอู่ตะเภา จะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารและโครงสร้างอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของพื้นที่อย่าง EEC ด้วย 

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพของคนกรุงเทพฯ ด้วยโครงการรถไฟฟ้า 14 เส้นทาง   ซึ่งปัจจุบันปี 2565 เปิดให้ประชาชนใช้บริการแล้ว 11 เส้นทาง และภายในปี 2571 ที่เหลือจะทยอยเปิดให้บริการทั้งหมด  ซึ่งในแผนการดำเนินการนี้รัฐบาลให้ความสำคัญถึงการขนส่งประชาชน จากซอยเล็กซอยน้อย จากที่อยู่อาศัย หรือจากแหล่งเที่ยวเที่ยว ให้เดินทางมารถไฟฟ้าในสถานีที่ใกล้มากที่สุด  รวมถึงวางแนวทางยกระดับคุณภาพชีวิตในการใช้ขนส่งพลังงานสะอาดเช่นเรือไฟฟ้า รถเมล์ไฟฟ้า  วินมอไซต์ไฟฟ้า  เพื่อรองรับการเดินทางและจูงใจการเดินทางให้หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้นด้วย

 

“นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยและผลักดันให้ไทย เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ของอาเซียน ซึ่งไม่เพียงเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะวดในการขนส่งเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมีความตื่นตัว กระตุ้นเศรษฐกิจ และจะรองรับการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลในอนาคต  รวมไปถึงมีการจัดจ้างแรงงานทุกพื้นที่เพิ่มขึ้น ประเทศไทยจะเปลี่ยนสถานะเป็น Hub ขนส่งในภูมิภาคอาเซียน  ในอีกไม่ช้าประชาชนจะเริ่มมองเห็นความสำเร็จการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากโครงการทั้งระบบที่รัฐบาลได้พัฒนาไว้  ซึ่งหลังจบอภิปรายไม่ไว้วางใจไป หลายฝ่ายก็จะเร่งพัฒนากันต่อเนื่อง จึงอยากชวนฝ่ายค้านหันหน้ามาร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญขึ้นไป ร่วมกันให้ข้อมูลการพัฒนา การจ้างแรงงาน-การพัฒนาไปยังพื้นที่ของท่าน เพื่อประโชยน์สูงสุดของประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่