ตำรวจจีนเปิดการสอบสวนกรณีรถเทสลาพุ่งชนคนเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 3 คน ซึ่งคนขับอ้างว่า รถเร่งความเร็วเองและเบรกไม่ได้
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่รถเทสลาโมเดล Y สีขาวคันหนึ่งกำลังชะลอความเร็ว เพื่อเตรียมจอดริมถนน ในเมืองเฉาโจว มณฑลกวางตุ้ง แต่แทนที่รถจะหยุด จู่ๆ รถก็เร่งความเร็ว และออกวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วสูง
ตลอดทาง รถได้พุ่งชนผู้ขับขี่ที่สัญจรไปมา ก่อจะไปหยุดอยู่บริเวณสี่แยก เนื่องจากพุ่งชนรถอีกคัน ซึ่งเศษชิ้นส่วนจากการปะทะ ลอยกระเด็นไปโดนผู้ขับขี่จักรยาน 2 คน ส่วนตัวรถไถลไปชนกับด้านข้างอาคาร เบื้องต้น มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นเด็กนักเรียนหญิง และคนขับรถมอเตอร์ไซค์
ตร. เตือนรถใช้ Autopilot หากเกิดอุบัติเหตุคนขับยังต้องรับผิดชอบ
Tesla หาทางหายใจในจีน ประกาศลดราคา 2 รุ่น สู้แบรนด์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าบ้าน และภาวะเศรษฐกิจ
Tesla เตรียมเปิดโชว์รูมแห่งแรกใจกลางกรุงเทพฯ ปลายปี 2023
นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อีก 3 คน
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ถูกพูดถึงอย่างมากจนติดเทรนด์ใน Weibo โซเชียลมีเดียของจีนเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ซึ่งล่าสุด ตำรวจจีนได้เปิดการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว โดยคนขับวัย 55 ปี เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่น อ้างว่าตนสูญเสียการควบคุมรถ เนื่องจากรถเร่งความเร็วกะทันหัน และเบรกก็ไม่ทำงาน จึงคาดว่าเป็นความผิดพลาดของระบบ
ด้านบริษัทเทสลายืนยันว่า จะให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนเรื่องนี้ แต่ขออย่าเพิ่งเชื่อข่าวลือในโซเชียล โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างหาหน่วยงานที่ 3 มาตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดเบื้องต้น ทางบริษัทยืนยันว่าในช่วงเกิดเหตุ ไฟเบรกไม่ขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงคนขับไม่ได้มีการเหยียบเบรกเลยตลอดการเดินทาง
แถลงการณ์ที่เทสลาส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ส ชี้ว่า เจ้าของรถได้รับคำสั่งจากศาลให้กล่าวขอโทษต่อสาธารณชน และจ่ายเงินชดเชยบริษัท หลังศาลตัดสินว่าข้อมูลเรื่องเบรกขัดข้องที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อไม่ตรงกับความเป็นจริง และทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดที่สำคัญอันดับ 2 ของเทสลา ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นจากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน
โดยที่ผ่านมา มีลูกค้าของเทสลาในจีนเคยร้องเรียนเรื่องเบรกไม่ทำงานอยู่หลายครั้ง นอกจากนี้ ในระยะหลัง บริษัทยังเจอปัญหายอดขายต่ำ จนต้องหั่นราคารถรุ่นโมเดล 3 และโมเดล Y ในตลาดจีน สูงสุดถึง 9%
ภาพจาก AFP
ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ติดตามข่าวจาก PPTV ได้ที่ Subscribe