วันที่ 20 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงหนึ่ง นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น สวนทางกับค่าแรงของประชาชนที่ยังต่ำและขยับขึ้นน้อยมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนี้ โดยนายกรัฐมนตรีมอบให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ชี้แจงแทน
นายจรัส อภิปรายว่า ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤติ พี่น้องประชาชนทั้งประเทศกำลังอดอยากจากปัญหาปากท้อง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก ต้องถามว่ารัฐบาลมัวเล่นอะไรกันอยู่ โฟกัสให้ถูกเรื่องได้แล้ว หยุดแย่งเก้าอี้ หยุดแย่งโควตา หันไปแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนบ้าง ถึงตอนนี้จากที่เคยทนไหว เขาเริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว เพราะทุกอย่างมันเเพงขึ้นมาก ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นตั้งแต่ปลายปี รัฐบาลคุมราคาดีเซลก็จริง แต่คนทั่วไปใช้เบนซินหรือแก๊สโซฮอล์ ปกติเงิน 100 บาท เติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ได้เต็มถัง แต่ในขณะนี้ไม่ได้เเล้ว คนขับรถยนต์เคยเติมเต็มถัง 500-600 บาท ตอนนี้เติม 1,000 บาท ก็ไม่เต็มถัง เดือนๆ หนึ่งต้องเสียค่าน้ำมันแพงมาก
อีกทั้งตอนนี้ลามมาถึงค่าอาหาร แพงขึ้นทุกอย่าง ทั้งเนื้อสัตว์ ซึ่งที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ ราคาเนื้อหมู ที่ปรับขึ้นจาก 120 เป็น 200 กว่าบาท เป็นการปรับที่ก้าวกระโดดจนประชาชนปรับตัวไม่ทัน ขยายไปดึงราคาเนื้อสัตว์อื่นๆ ไข่ไก่ น้ำมันปาล์ม รวมไปถึงซีอิ๊วขาวจนสูงขึ้นตาม
“ท่านต้องไปกินข้าวจากอาหารตามสั่งบ้าง เขายิ่งเจอผลกระทบที่ราคาปรับขึ้น ทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกจากค่าอาหาร สวนทางกับค่าเเรงขั้นต่ำที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม ผลกระทบนี้พ่อค้าแม่ค้าก็กระทบ เดี๋ยวก็จะมีค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นในฤดูร้อน ยิ่งทำให้ส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ผิดกับคนที่อยู่บ้านหลวง ใช้น้ำฟรี ใช้ไฟฟ้าฟรี แบบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้นที่คงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ”
นายจรัส ยังระบุต่อไปว่า ค่าเดินทางเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 บาท ค่าอาหารเพิ่มขึ้น 3,000-5,000 บาท จ.ชลบุรี ค่าแรงเท่าเดิม 336 บาท ถือว่าสูงสุดของค่าแรงในประเทศแล้ว แต่หนึ่งเดือนทำงาน 27 วัน ยังได้รับเงินไม่ถึง 9,000 บาทมาหลายปี ที่รัฐบาลเคยบอกว่าปัญหาเกิดจากภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของราคาเเพงขึ้น เพราะเศรษฐกิจมันดีขึ้น แต่อยากจะบอกว่าเศรษฐกิจมันไม่ได้ดีขึ้น มันไม่ได้เติบโตขึ้นอย่างที่ท่านพูด
ทั้งนี้ ทุกครั้งที่สินค้ามีราคาสูงขึ้น รัฐบาลอ้างว่าเป็นเรื่องของตลาดโลก เข้าใจดีว่าเป็นข้อจำกัดของรัฐบาล แต่ถ้าจะโทษว่าเป็นเรื่องของตลาดโลกเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องทำอะไรต่อแล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำไม รัฐบาลควรต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชน จึงขอถามว่า รัฐบาลได้คิดมาตรการเเก้ไขปัญหาดังกล่าวเเล้วหรือไม่ จะประกาศใช้เมื่อไหร่ และรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงหรือไม่ เมื่อไหร่ เพราะพรรครัฐบาลเองมีนโยบายขายฝันว่าจะปรับค่าแรงให้สูงขึ้นเป็น 425 บาท แต่ปัจจุบันก็ยังคงค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลให้สัญญาไว้
ทางด้าน นายสุชาติ ชี้แจงว่า ภาพรวมสินค้าแพง ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคตั้งแต่เกิดโควิด-19 มาสินค้าต้องขึ้นตามจุดคุ้มทุนทางการค้า มีการปรับราคาขึ้นลง ขณะที่สินค้าการเกษตรมีการปรับราคาขึ้นลงตามฤดูกาล รวมถึงมีผลกระทบจากตลาดโลก ในเรื่องของการแก้ไข มีการขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้ตรึงราคาสินค้าและไข่ไก่ รัฐบาลยังมีมาตรการในส่วนของการกำหนดราคา ควบคุม จัดสายตรวจดูแลทั้งส่วนกลางเเละภูมิภาค
“ในส่วนของค่าครองชีพ ค่าแรงไม่ได้ปรับ เรามีไตรภาคีเกี่ยวกับค่าแรง แบ่งเป็นจังหวัดส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ซึ่งในเรื่องค่าแรงที่ผ่านมาเราเปิดให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามา แรงงานค่าแรงขั้นต่ำส่วนมากจะมาจากแรงงานเพื่อนบ้าน เพราะเป็นแรงงานที่ไม่มีฝีมือ ไม่มีทักษะ ส่วนแรงงานคนไทยเราให้ลูกหลานได้เรียนสูง มีความรู้ความสามารถ จบเป็นวิศวกร สถาปนิก หรือเป็นช่าง บัญชีต่างๆ ที่มีฝีมือมีทักษะมากกว่าปกติ ในสายอาชีวะจบมาก็ได้ทำงานด้านอาชีวะ กระทรวงแรงงานได้ผสานความร่วมมือครั้งแรกกับกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาบัณฑิตให้จบมามีรายได้สูงขึ้น ไปปรับพัฒนาหลักสูตรด้านอาชีวะ ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ทางรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีมาตรการในการเพิ่มค่าแรงให้กับผู้ใช้เเรงงาน ทั้งในสวัสดิการและคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน”.
As part of their spo…
This website uses cookies.