“โมโตจีพี” การก้าวไปอีกขั้นของ“บุรีรัมย์” จากแดนตำน้ำกินสู่เมืองท่องเที่ยวกีฬาระดับโลก/ปิ่น บุตรี – mgronline

การแข่งขันโมโตจีพี ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองไทย (ภาพ : ThaiGP_News)

ปิดฉากไปอย่างสวยงาม สำหรับการแข่งขัน “โมโตจีพี ไทยแลนด์” หรือ การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 สนาม 15 รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

งานนี้แม้จะมีดราม่าเล็กน้อยในเรื่องของขยะตกค้างหลังการแข่งขัน และดราม่าเข้มข้น ต่อกรณีที่ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางไปเป็นประธานเปิดการแข่งขัน และมอบถ้วยรางวัลให้กับแชมป์โมโตจีพี ไทยแลนด์ ท่ามกลางเสียง“โห่”จากคนดูทั่วสนามอย่างกึกก้องอึงมี่ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะมองว่าเป็นเสียงสวรรค์“โห่ต้อนรับ” แต่ในความเป็นจริงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และผู้ที่ติดตามเรื่องนี้ต่างรู้กันดีว่านี่เป็นเสียง “โห่ต้อนรับ” หรือเสียง“โห่ขับไล่”???

แฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วทุกทิศเดินทางมาชมโมโตจีพีไทยแลนด์กันจนเต็มแน่นสนาม (ภาพ : ThaiGP_News)

อย่างไรก็ดีนี่ถือเป็นดังการเติมสีสันให้กับงานนี้ ซึ่งการแข่งขันโมโตจีพีไทยแลนด์นั้นถือเป็นอีกหนึ่งบิ๊กอีเว้นต์ในบ้านเราที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยหลังจากนี้ประเทศไทยยังคงได้ลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขันโมโตจีพีไปอีกต่อเนื่อง 2 ปี คือ ปี พ.ศ. 2562 และ 2563 (รวม 3 ปี)

และนี่ก็คือเรื่องราว(เก็บตก)บางส่วนของการแข่งขันโมโตจีพีไทยแลนด์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งบทบันทึกของจังหวัดบุรีรัมย์ และประเทศไทย

“มาร์เกซ” แชมป์ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ คนแรก

สนามช้างฯ บุรีรัมย์ ประกาศศักดาให้โลกรู้ผ่านการแข่งขัน โมโตจีพีไทยแลนด์

การแข่งขัน โมโตจีพี ไทยแลนด์ สนาม 15 รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” มีผู้ชนะในประเภทต่าง ๆ ดังนี้

-รุ่น โมโตทรี(Moto3) “ฟาบิโอ ดิจิอันนันโตนิโอ” นักบิดชาวอิตาเลียน สามารถคว้าแชมป์ในเรซนี้ไปครอง ด้วยเวลา 38 นาที 10.789 วินาที

-รุ่น โมโตทู(Moto2) แชมป์สนามนี้ตกเป็นของ “ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า” นักบิดอิตาเลียน ด้วยเวลา 39 นาที 0.009 วินาที

3 นักบิดดาวดังเข้าโค้งขับเคี่ยวกันอย่างสุดมัน คือ โดวิซิโอโซ(04) มาร์เกซ(93) และ รอสซี่(46) (ภาพ : ThaiGP_News)

ส่วนไฮไลท์คือการแข่งขัน โมโตจีพี(MotoGP) ซึ่งมีแฟนชาวมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกเฝ้าติดตามชม ผลปรากฏว่า “มาร์ค มาร์เกซ” นักบิดหมายเลข 93 ชาวชาวสแปนิช เจ้าของฉายา“เด็กระเบิด” สามารถไล่เบียดแซง “อันเดรีย โดวิซิโอโซ” นักแข่งหมายเลข 04 ชาวอิตาเลียน ในโค้งสุดท้าย บิดเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 39 นาที 55.722 วินาที ผงาดคว้าแชมป์ในเรซนี้มาครองได้สำเร็จ

โดยผลการแข่งขันในประเภทโมโตจีพี มีดังนี้ อันดับ 1 มาร์ค มาร์เกซ อันดับ 2 อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ อันดับ 3 มาเวอริค บิญาเลส นักบิดหมายเลข 25 ชาวสแปนิช และ อันดับ 4 วาเลนติโน รอสซี นักบิดหมายเลข 46 ชาวอิตาเลียน

มาร์ค มาร์เกซ ชูธงบิดโชว์แฟน ๆ หลังคว้าแชมป์คนแรกของโมโตจีพีไทยแลนด์ (ภาพ : ThaiGP_News)

และนั่นก็ทำให้ “เด็กระเบิด-มาร์ค มาร์เกซ” สามารถคว้าแชมป์โมโตจีพีไทยแลนด์เป็นคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ได้อย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี

ขณะที่ผลงานของนักบิดชาวไทยนั้น มี 3 คน ที่ลงแข่งขันในรุ่น โมโตทรี คือ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา บิดเข้ามาเป็นอันดับ 9 “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เข้ามาเป็นอันดับที่ 16 และ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ แข่งไม่จบการแข่งขัน

ส่วน “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโกร นักบิดไวลด์การ์ดของไทย ลงแข่งในประเภท รุ่น มโตทู บิดเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 18

3 ดาวดังผู้ยึดครองโพเดียม โมโตจีพีไทยแลนด์ นำโดย มาร์ค มาร์เกซ(คนกลาง) แชมป์สนามนี้ (ภาพ : ThaiGP_News)

ชัตเติลแต๋น ดังไกลทั่วโลก

นอกจากการแข่งขันความเร็วในสนามที่สนุกสุดมันชนิดที่ทำให้แฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตต้องลุ้นระทึกหัวใจแทบวางวายแล้ว บริเวณนอกสนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนลฯ ก็มีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญนั่นก็คือ“ชัตเติลแต๋น”(SHUTTLE TAN) ซึ่งเป็น “รถอีแต๋น” ที่ทางผู้จัดการแข่งขันได้จัดเตรียมไว้ให้บริการ รับ – ส่ง ผู้ชม จากบริเวณประตู 1,2 และ 3 สู่สนามการแข่งขัน

ชัตเติลแต๋น ดาวเด่นนอกสนาม

โดยการนำรถอีแต๋น มาวิ่งรับ-ส่ง ผู้ชมนั้น เป็นไอเดียของ นาย“เนวิน ชิดชอบ” ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ บุคคลสำคัญผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการแข่งขันโมโตจีพีไทยแลนด์

นายเนวินเปิดเผยว่า นี่เป็นโอกาสที่เราจะสามารถแสดงให้ทั่วโลกได้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทย อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่จะทำให้แฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก จดจำการแข่งขันครั้งนี้ ว่ามีอะไรแตกต่างจากที่อื่น นั่นคือมีสัญลักษณ์ที่เป็นของคนไทย และจดจำสนามแห่งนี้ไปอีกนาน

นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้างฯ (ภาพ : ThaiGP_News)

นอกจากนี้นายเนวินยังแย้มอีกว่า ปีหน้าอาจจะมีการจัดแข่งขันรถอีแต๋นชิงแชมป์ที่สนามช้างฯ แห่งนี้ก็เป็นได้

สำหรับรถอีแต๋นที่นำมาวิ่งรับ-ส่ง ผู้ชม ในการแข่งขันครั้งนี้มีทั้งหมด 100 คัน มาจากเกษตรกรทั่วทุกอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ รถอีแต๋นแต่ละคันจะมีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ที่หลังรถมีการนำฟางมาตัดเป็นเก้าอี้นั่ง ส่วนด้านข้างรถติดป้ายผ้ารูป“ปราสาทเมืองต่ำ” เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์

ลุงเสวียน – ป้าภารัตน์ 2 เกษตรกรจาก อ.นาโพธิ์

ลุงเสวียน – ป้าภารัตน์ 2 เกษตรกรจาก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ปกติจะใช้รถอีแต๋นวิ่งบรรทุกขนมันสำปะหลัง และวิ่งบรรทุกคนไปไร่บ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสนำรถอีแต๋นมาวิ่งรับ-ส่ง คนอย่างจริงจัง ซึ่งพวกตนรู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมในงานครั้งนี้ เพราะได้มีส่วนร่วมในการนำเอกลักษณ์ของความเป็นไทยมาให้ชาวโลกได้รับรู้

ชัตเติลแต๋น ขวัญใจผู้เข้าชมโมโตจีพีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ทั้งนี้การนำรถอีแต๋นมาทำเป็นชัตเติลแต๋น ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ชาวต่างชาติหลาย ๆ คนอยากลองนั่งรถอีแต๋นดูสักครั้ง และรู้สึกสนุกและตื่นเต้นเมื่อได้ทดลองนั่งรถอีแต๋นในงานนี้ ขณะที่ผู้ชมชาวไทยเอง หลาย ๆ คนก็เพิ่งมีโอกาสได้นั่งรถอีแต๋นในงานนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน

โมโตจีพี ทำบุรีรัมย์คนทะลัก เมือง(แทบ)แตก

สำหรับการแข่งขันโมโตจีพีครั้งนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของเมืองไทย ที่ถนนทุกสายต่างมุ่งหน้าสู่บุรีรัมย์จนคนล้นทะลักเมืองแทบแตก

แฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตที่มาชมการแข่งขันโมโตจีพีมีมากกว่า 2.2 แสนคน (ภาพ : ThaiGP_News)

ขณะที่บรรยากาศภายในงาน ทั้งในและนอกสนามต่างก็เต็มไปด้วยความคึกคัก นำโดยสาวกของ เด็กระเบิด “มาร์ค มาร์เกซ” แชมป์โลก โมโตจีพี 4 สมัย และสาวกของ “วาเลนติโน รอสซี” แชมป์โลก 9 สมัยจอมเก๋า นักบิดขวัญใจชาวไทย รวมถึงแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ตีตั๋วเข้าชมการประลองความเร็วกันจนแน่นสนาม

โดยแฟน ๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตต่างมุ่งหน้าเดินทางสู่จังหวัดบุรีรัมย์ในหลากหลายเส้นทาง มีทั้งที่มาด้วยรถยนต์ รถบัส รถตู้ และมีอีกเป็นจำนวนมากที่ขับขี่รถจักรยานยนตร์มาเป็นหมู่คณะจากทุกภูมิภาคทั่วไทย

กลุ่มแฟน ๆ นักบิดเดินทางมาชมโมโตจีพีกันเป็นจำนวนมาก

ส่วนผู้ชมที่เดินทางมาทางเครื่องบินก็มีเป็นจำนวนมาก จน กรมท่าอากาศยาน(ทย.) ต้องเพิ่มเที่ยวบินจากกรุงเทพฯสู่บุรีรัมย์ในช่วงการแข่งขัน 5-7 ต.ค.61 ดังนี้ วันที่ 5 ต.ค. มีจำนวนเที่ยวบินไปกลับ 12 เที่ยวบิน เพิ่มเที่ยวบินพิเศษ 3 เที่ยวบิน, วันที่ 6 ต.ค. มีจำนวนเที่ยวบินไปกลับ 12 เที่ยวบิน เพิ่มเที่ยวบินพิเศษ 2 เที่ยวบิน, วันที่ 7 ต.ค. มีจำนวนเที่ยวบินไปกลับ 12 เที่ยวบิน เพิ่มเที่ยวบินพิเศษมากถึง 31 เที่ยวบิน

ด้าน โรงแรม ที่พัก ในบุรีรัมย์ นั้นก็เต็มจนล้น ซึ่งแม้จะมีการเปิดที่พักชั่วคราว อย่าง โฮมสเตย์ อพาร์ทเม้นต์ ที่กางเต็นท์ ตามพื้นที่โล่งต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้แฟนกีฬาโมโตจีพีต้องกระจายตัวกันไปพักตามจังหวัดใกล้เคียง อย่างเช่น นครราชสีมา สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ เป็นต้น

ปราสาทหินพนมรุ้ง มีคนมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมากในช่วงการแข่งขันโมโตจีพี

ขณะที่ในส่วนของร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในอีสานใต้ก็มีคนมากินมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน นำโดย 3 แหล่งท่องเที่ยวหลักใน จ.บุรีรัมย์ คือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และ วนอุทยานเขากระโดง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนจะไปเที่ยวชมก่อนการแข่งขันโมโตจีพีนั้นมีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกันอย่างเนืองแน่น

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เป็นการท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ โดยผู้ที่มาร่วมงานนั้นจะมีการวางแผน การเดินทางทั้งก่อนงานและหลังงาน ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

“ปกตินักท่องเที่ยวที่มาบุรีรัมย์มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 2 พันบาท มาคราวนี้มีการใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ รวมทั้งห้องพัก ร้านอาหาร ของที่ระลึกต่างๆ เท่าที่ได้รับรายงานคือขายดีเกือบทุกอย่าง บางอย่างหมด ไม่พอขาย” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

บูธททท.ที่มีผีตาโขนและน้องสุขใจคอยต้อนรับ

ทั้งนี้ในส่วนของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ได้มาร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเมืองไทยในงานครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอเรื่องราวของภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อีสานใต้ ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และ ชัยภูมิ

รวมถึงการจัดกิจกรรม D.I.Y. นำเสนอของดีอีสานคือเทียนหอมอุบลฯ และผ้าย้อมครามสกลนคร โดยมีหุ่นน้องสุขใจในชุดผ้าพื้นเมืองอีสาน และ“ผีตาโขน”(จ.เลย) มาร่วมสร้างสีสันภายในบริเวณบูธอยู่ตลอดงาน

แฟน ๆ จากทุกทิศทั่วไทยเดินทางมาชมการแข่งขันโมโตจีพีไทยแลนด์ (ภาพ : ThaiGP_News)

โมโตจีพี การก้าวไปสู่เมืองท่องเที่ยวกีฬาระดับโลกของ“บุรีรัมย์”

สำหรับการแข่งขันโมโตจีพี ไทยแลนด์ ที่ จ.บุรีรัมย์ครั้งนี้ ทางผู้จัดการแข่งขันได้สรุปยอดผู้เข้าชมว่า มีมากกว่า 2.2 แสนคน แบ่งเป็น ชาวต่างชาติ 25% และคนไทย 75%

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า การแข่งขัน โมโตจีพีไทยแลนด์นั้น สามารถสร้างรายได้โดยรวมได้มากกว่า 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2,470 ล้านบาท และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ขอนแก่น สุรินทร์ นครราชสีมา รวมจำนวน 630 ล้านบาท

สีสันกองเชียร์ในสนาม เมื่อเหล่านักบิด บิดรถผ่าน

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ถูกยกระดับเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางด้านการแข่งขันจักรยานยนต์ของโลก ผ่านสายตาผู้ชมจากทั่วโลกเกือบ 1 พันล้านคน และคาดว่าปีถัดไป หากประเทศไทยมีการเตรียมความพร้อมในการรับรองผู้ชื่นชอบการแข่งขันจักรยานยนต์ เชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการจัดการแข่งขันดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

และนี่ก็คือความสำเร็จของการจัดการแข่งขันโมโตจีพีไทยแลนด์ ที่สร้างชื่อให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักของชาวโลกมากยิ่งขึ้น

พริตตี้สาวสวย ผู้มาช่วยสร้างสีสันให้งานคึกคักกระชุ่มกระชวยมากยิ่งขึ้น (ภาพ : ThaiGP_News)

สำหรับจังหวัดบุรีรัมย์นั้น ในอดีตเคยเป็นเมืองยากจนแห้งแล้งถึงขนาดมีคำกล่าวว่า “บุรีรัมย์ตำน้ำกิน” แต่มาวันนี้จังหวัดบุรีรัมย์พัฒนาก้าวไกลขึ้นมาสู่การเป็นฮับแห่งดินแดนอีสานใต้ และการเป็นเมืองท่องเที่ยวกีฬาอันดับหนึ่งของเมืองไทย

ซึ่งหลังจากการแข่งขันโมโตจีพีจบลง บุรีรัมย์ได้ยกระดับก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเดินหน้าสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวกีฬาระดับโลกที่ในอนาคตจะประสบความสำเร็จมาก-น้อย แค่ไหน คงต้องติดตามดูกันต่อไป

บิ๊กป้อม ประธานเปิดงาน มามอบถ้วยรางวัลให้แก่ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์ในเรซนี้ ท่ามกลางเสียงโห่ ที่เป็นดราม่าให้พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง (ภาพ : MGR Sport)

……………………………………………………………………………………….

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ [email protected] หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager