17 บริษัทแข่งเดือดพาเหรดลงสนามยานยนต์ไฟฟ้า ปูฐานการผลิตเต็มเหนี่ยว พร้อมดึงซัพพลายเออร์จากต่างประเทศมาลงทุนซัพพอร์ตธุรกิจครบวงจร ตั้งโรงงานประกอบชิ้นส่วนมูลค่ารวมกว่า 1.5 หมื่นล้าน ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าคนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท 1 ล้านคันภายในปี 68
ภายหลังรัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของรถอีวี เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย เดินหน้าเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียน นับจากปี 2560 ถึงเดือน ส.ค. 2565 มีโครงการที่ได้รับส่งเสริมในกิจการดังกล่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้วรวม 26 โครงการ จาก 17 บริษัท ประกอบด้วย
1.โครงการผลิต Hybrid Electric Vehicle (HEV) จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ GWM, Honda, Mazda, MG, Mitsubishi, Nissan, Toyota
2.โครงการผลิต Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ BMW, BYD, GWM, Mercedes Benz, Mazda, MG, Mitsubishi, Toyota
3.โครงการผลิต Battery Electric Vehicle (BEV) จำนวน 15 โครงการ ได้แก่ BYD, FOMM, GWM, Honda, Horizon, Mazda, Mercedes Benz, MG, Mine Mobility (2 โครงการ), Mitsubishi, Nissan Skywell, Takano, Toyota
4.โครงการผลิตรถบัสไฟฟ้า (E-bus) จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ Absolute Assembly และ สกุลฎ์ซี (เนื่องจากบางโครงการได้รับการส่งเสริมในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 1 ประเภทในโครงการเดียวกัน ทำให้จำนวนโครงการเมื่อแยกตามรายประเภทรถยนต์ไฟฟ้าแล้วจะสูงกว่าจำนวนโครงการรวม) มีมูลค่าการลงทุนรวม 80,208.6 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน) กำลังการผลิตจำนวน 838,775 คัน แยกเป็น HEV 38,623.9 ล้านบาท 440,955 คัน, PHEV 11,665.6 ล้านบาท 137,600 คัน, BEV 27,745.2 ล้านบาท 256,220 คัน และ Battery Electric Bus 2,173.8 ล้านบาท 4,000 คัน
โดยบริษัทที่เริ่มการผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้ว ได้แก่ Absolute Assembly, BMW, FOMM, GWM, Honda, Mercedes Benz, MG, Mitsubishi, Nissan, Takano, Toyota และยังมีอีกหลายโครงการที่มีแผนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายบริษัทมีแผนจะดึงซัพพลายเออร์จากต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้ โดยบีโอไอรายงานในปีที่ผ่านมา มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว 35 โครงการ จาก 26 บริษัท มูลค่ารวม 15,410.2 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน) ตัวอย่างชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แบตเตอรี่, Traction Motor, BMS, DCU, Inverter, Onboard Charger, DC/DC Converter, High Voltage Harness, ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ และอุปกรณ์สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมผลิตชิ้นส่วนสำคัญ นอกจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าบางรายที่มีการผลิตชิ้นส่วนสำคัญเอง เช่น Delta, Draxlmaier, Elite Group, Jatco, Lumen, Mine Mobility, MCCT, Nuovo Plus, TESM, Valeo เป็นต้น ขณะที่บอร์ดอีวีได้ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทรวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568