พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.สมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ ตลอดจนผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 1 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ สมอ.และ กรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงผลการปฎิบัติงานป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางและมาตรการเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
โดยพบว่าผลการดำเนินการตั้งแต่เดือน มิถุนายนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุปัน ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแข่งรถแล้ว 464 ราย, ตรวจค้นร้ายอะไหล่และดัดแปลงสภาพรถกว่า 8,500 ร้าน, ดำเนินคดีตามพรบ.จราจรทางบก และ พรบ.รถยนต์กว่า 75,000 ราย, ดำเนินคดีแอดมินเพจ ชวนแข่งรถ 14 ราย ตรวจรถยนต์และรถจักรยานกว่า 25,000 คัน ทั้งนี้ จากสถิติการเรื่องร้องเรียนเหตุแข่งรถตั้งแต่มีการตั้งคณะทำงานในการป้องกันปราบปรามพบว่าลดลงจากเดิมถึง ร้อยละ 86% ภายในเดือนเดียว
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการกวดขันจับกุมอย่างเข้มข้นจริงจังต่อไป มั่นใจภายใน 4-5 เดือนนี้จะเห็นผลชัดเจน และเชื่อว่าการแข่งรถจะต้องหมดไป และหากพบว่าพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลยให้มีการแข่งรถผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ทั้งผู้บังคับการ, ผู้กำกับการระดับโรงพัก จะต้องรับผิดชอบและมีคำสั่งย้ายออกนอกพื้นที่แน่ พร้อมยืนยันมาตรการต่างๆ ไม่ทำแบบไฟไหม้ฟาง
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัส ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าปัจจุบันการแข่งรถซึ่งมีการร่วมตัวเป็นกลุ่มใหญ่มีน้อยลงมากส่วนหนึ่งเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไปใช้การรวมกลุ่มย่อยและฉวยโอกาสในจังหวะที่ถนนว่างแข่งรถแทนการปิดถนนซึ่งเป็นการยากที่ตำรวจจะติดตามจับกุม แต่อย่างไรก็ตามจากการใช้มาตรการถ่ายคลิปบันทึกภาพการกระทำความผิดก่อนไปติดตามจับกุมมาดำเนินคดี ซึ่งทำให้ปัญหาการแข่งลดน้อยลง ส่วนมาตรการความปลอดภัยทางท้องถนนโดยเฉพาะทางม้าลาย ขณะนี้จะมีการปรับปรุงทางม้าลายให้เหมาะสมกับสภาพแต่ละพื้นที่ และ เตรียมติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติมรวมทั้งประชาสัมพันธ์กระตุ้นให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน หรือ ให้คนเดินเท้าปฎิบัติตามกฎจราจร พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และมีแนวคิดตัดคะแนนผู้ขับขี่ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย รวมถึงจัดทำทางม้าลาย 3 มิติ นำร่องสถานศึกษาทั่วประเทศ เริ่มในวันที่ 6 สิงหาคมนี้.
This website uses cookies.