ประธานลำปาง นายสุโชค เลิศวัฒนาโกเมศ (เฮียยื้อ) ยอมรับเข้าใจแฟนบอลบางส่วนไม่พอใจโดนโยกแสตนด์เกมเจอบุรีรัมย์จนเกิดเหตุจุดพลุในสนาม
ประธานลำปาง นายสุโชค เลิศวัฒนาโกเมศ ออกโรงแจงประเด็นดราม่าจุดพลุและแฟนบอลไม่พอใจเรื่องแบ่งโซนที่นั่งให้บุรีรัมย์ที่สนามหนองกระทิง เกมไทยลีกเมื่อ 5 พ.ย.
“รถม้ามรกต”ลำปาง เอฟซี เพิ่งเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดประเทศไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในฤดูกาลนี้ และมีเกมใหญ่ด้วยการรับแชมป์เก่าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อ 5 พ.ย. โดยมีรายงานว่าเจ้าบ้านเจียดที่นั่งให้แฟนบอลทีมเยือนเพิ่มในแสตนด์ของแฟนบอลเจ้าถิ่นจนเกิดกระแสไม่พอใจของแฟนบอลลำปางเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีเหตุการณ์จุดพลุไฟในสนามแข่งซึ่งผิดกฎของไทยลีก ก่อนจะจบด้วยการพ่ายแพ้ 0-3
- ระทึกไทยลีก 3 คู่นรา ยูไนเต็ด พบ สงขลา เอฟซี อัฒจันทร์ถล่ม เกมเริ่มไม่ถึงนาที
โดยประธานสโมสรลำปาง เอฟซี ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า “ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คนจุดพลุและก่อเหตุ เราพอมีหลักฐานที่ไม่ขอเปิดเผยที่พอจะรู้ตัวคนกระทำแล้ว คนคุ้นเคยที่เคยเห็นหน้ากันทั้งนั้น”
“ความจริงกับเหตุผลที่ต้องย้ายสแตนด์เชียร์ทีมบุรีรัมย์ชี้แจงไปหมดแล้วในเพจสโมสรเพื่อให้แฟนบอลทุกคนรับทราบล่วงหน้า และก่อนหน้านั้น ผมได้มีการแจ้งพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มกองเชียร์ (ไม่ขอเอ่ยนาม) ให้รับรู้ถึงปัญหาที่ทำไมต้องย้ายสแตนด์ ดูเหมือนก็เข้าใจดี”
“ผมเองรับรู้ถึงความรู้สึกของแฟนบอลลำปางเหมือนกัน แต่ไม่มีทางออกไหนที่ดีกว่าการต้องย้ายสแตนด์อย่างนั้นจริงๆ ผมว่าเป็นเรื่องของการมองต่างมุมมากกว่า สำหรับผม ผมมองว่าครั้งนึงเป็นเกียรติ์ของจังหวัดและสนามหนองกระทิงที่มีโอกาสต้อนรับทีมท็อป 15 ทีมในเวทีไทยลีก ซึ่งไม่รู้ว่าลำปางเอฟซีจะมีโอกาสสักกี่ฤดูกาล หรืออาจจะแค่ฤดูกาลเดียวในปีนี้ก็เป็นได้”
“เราควรจะเก็บภาพจำสวยๆ เหล่านี้ร่วมกันเพื่อเป็นเกียรติประวัติดีกว่าไหม เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะต้องเป็นเรื่องดราม่าใหญ่โต ควรจะพูดคุยหาทางออกกันได้ เพราะสุดท้ายทุกอย่างจะเป็นชื่อเสียงหรือชื่อเสียของจังหวัดลำปางเอง”
“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่แคร์แฟนบอลลำปาง คงมีแต่คนทำฟุตบอลที่เสียสติเท่านั้นที่ไม่สนใจแฟนบอลตัวเอง ผมจะจำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน หลังเกิดเหตุยังมีแฟนบอลส่วนใหญ่ที่เข้าใจที่คิดว่าสโมสรทำถูกต้อง ส่งข้อความมาให้กำลังใจกัน ขอขอบคุณไว้ด้วย”
“วันนี้ คงต้องรอผลการพิจารณาบทลงโทษจากสมาคม ซึ่งทราบมาว่าอยู่ที่การเขียนรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขันซึ่งมีหลักฐานชัดเจน แล้วค่อยมาคิดกันในบอร์ดสโมสรว่าจะดำเนินการยังไงต่อไป บอกตรงๆ ไม่น่าที่จะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเลย”