จากกรณีเรื่องราวดราม่าที่ถูกแชร์ต่อในวงการสำหรับวงการจักรยาน ภายหลังจากที่ “โป้ง” มือกลองชื่อดังของคณะดนตรีโมเดิร์นด็อก ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์การแข่งขันจักรยานที่ จ.นครพนม พร้อมระบุข้อความว่า “งานเพิ่งจบสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้จะประท้วงอะไร ผมไม่ได้เป็นนักแข่งจักรยานมืออาชีพ แต่ขอโพสต์คลิปนี้ในฐานะของพ่อคนนึง ที่มีลูกเป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี เหมือนกัน ให้คลิปมันเล่าเรื่อง ว่านี่คือสิ่งที่มนุษย์คนนึงควรกระทำกับคนรอบตัวหรือไม่ ความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินยังไม่ต้องพูดถึง คนอื่นๆไม่ได้ล้มอยู่ในเฟรม”
โดยในคลิปเป็นภาพจากกล้องหน้านักปั่นคนหนึ่งที่ขับอยู่ในเลนของตัวเอง ทว่ามีนักปั่นชุดเขียวได้ขับสปีดขึ้นมา ก่อนที่จะคล้ายเบียดไปที่นักปั่นที่อยู่ซ้ายมือจนล้มคว่ำลงไป โดยคลิปนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปในวงกว้างถึงนักปั่นคนดังกล่าว ทั้งในแง่ของสปิริต และน้ำใจนักกีฬา รวมถึง ถูกตั้งคำถามว่าเป็นการจงในทำร้ายเพื่อนร่วมการแข่งขันหรือไม่นั้น
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ห้องโสตศึกษา โรงเรียนเหล่ากลางวิทยาคม อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ นายนันทะพร คชพันธ์ อายุ 18 ปี หรือน้องวิลลี่ นักกีฬาทีมจักรยานโรงเรียนเหล่ากลางวิทยาคม ซึ่งเป็นนักปั่นจักรยานชุดเขียวที่อยู่ในคลิป พร้อมด้วยนายบัณฑิตย์ โสสลาม ผู้จัดการทีมจักรยานโรงเรียนเหล่ากลาง นายภัทร คำจุมพล โฆษกทีมจักรยาน นายสุริยันต์ พลอาจทัน หรือโค้ชจอร์จ ผู้ฝึกสอนทีมจักรยาน และนายเจริญรัตน์ จารุสาร ตัวแทนผู้ปกครองร่วมกันแถลงข่าว และชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนำคลิปวีดีโอความยาว 39 วินาทีมาเปิด เพื่อประมวลเหตุการณ์ พร้อมทั้งยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าน้องวิลลี่ไม่มีเจตนาเบียดเพื่อนนักปั่น ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่สุดวิสัยไม่มีใครอย่างให้เกิดขึ้น พร้อมกับขอโทษสังคม และวงการจักรยาน หากคลิปดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายบัณฑิตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่อยู่ในคลิปเป็นการแข่งขันมหกรรมการแข่งขันจักรยานทางไกลแห่งประเทศไทยลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 3 ที่ จ.นครพนม โดยน้องวิลลี่ได้เข้าแข่งขันในรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ซึ่งภายหลังจากคลิปดังกล่าวความยาว 39 วินาทีถูกแชร์ออกมาในสังคม ทำให้ทีมจักรยานโรงเรียนเหล่ากลางมีความไม่สบายใจ เพราะหลายคนเข้าใจว่าเป็นการเบียดคู่แข่งจนล้มลง ดังนั้น ทางทีมจักรยานโรงเรียนเหล่ากลางจึงนำคลิปภาพเหตุการณ์มาตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมทั้งสอบถามเหตุการณ์จากน้องวิลลี่ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันหนักแน่ว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีเจตนาเบียดคู่แข่ง โดยจากการตรวจสอบคลิปอย่างละเอียดจะพบว่าช่วงเกิดเหตุ ซึ่งเหลืออีกไม่ไกลจะเข้าเส้นชัย มีรถจักรยานคันทางขวาพยายามจะแซงแล้วหลบหลุมเข้ามาปาดไลน์การปั่นของน้องวิลลลี่ รถคันเบอร์ 319 ที่อยู่ข้างหน้าหยุดการปั่น (ฟรีขา) ทำให้ความเร็วลดลง น้องวิลลี่เอียงตัวเพื่อบาลานซ์ไม่ให้เสียการควบคุม ซึ่งวิลลี่หลบเบอร์ 319 จึงปะทะคันทางซ้ายในจังหวะที่คันทางซ้ายกำลังเสียการควบคุมจากลูกคลื่นบนถนน ล้อคันทางซ้ายไปสีกับล้อหลังของคันหน้าที่ความเร็วช้ากว่า ทำให้คันทางซ้ายเสียการควบคุมและล้มในที่สุด
“ไม่ได้แก้ตัว และบอกว่าน้องวิลลี่ผิด หรือถูก เพียงแต่อยากให้สังคมเข้าใจ และรับทราบความจริงเท่านั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปตัดสินใจจากคลิปวีดีโอเพียง 39 วินาที เพราะสงสารเด็กชนบทที่ความไฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬาปั่นจักรยาน และตั้งใจฝึกซ้อมมาโดยตลอด ต้องมาถูกสังคมมองในแง่ร้าย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวจะผิด หรือถูก ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งทีมจักรยานโรงเรียนเหล่ากลางยินดีน้อมรับคำตัดสิน และผลการสอบไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด พร้อมทั้งกราบขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง ขอโทษหน่วยงานเจ้าภาพ และขอโทษสังคม หากทำให้เสื่อมเสีย” นายบัณฑิตย์ กล่าว
นายภัทร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ น้องวิลลี่ก็ได้เข้าขอโทษนักปั่นที่เกิดอุบัติเหตุตั้งแต่วันนั้นแล้ว ซึ่งยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ สุดวิสัยจริงๆ โดยเจ้าตัวที่ล้มก็ให้อภัย ไม่ได้ติดใจ ทั้งนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบไม่ว่าจะถูก หรือผิด ทางทีมจักรยานโรงเรียนเหล่ากลางจะมีบทลงโทษน้องวิลลี่เช่นกัน โดยจะริบของรางวัล ทั้งถ้วยรางวัล กระเป๋า และเงินรางวัล 5,000 บาท ทั้งหมดส่งคืนให้เจ้าภาพคณะที่จัดงาน สั่งให้น้องวิลลี่หยุดการเข้าร่วมการแข่งขันปั่นจักรยานทุกประเภท ทุกรายการในปี 2561 รวมถึง การลงสนามการแข่งขันปันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย 2 สนาม ซึ่งเป็นสนามที่น้องวิลลี่ใฝ่ฝัน และหมั่นฝึกซ้อมเพื่อเตรียมลงแข่ง นอกจากนี้ ยังให้น้องวิลลี่บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม และโรงเรียนทุกวันตลอดระยะเวลา 1 ภาคเรียน โดยจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้ควบคุมดูแล
ด้านนายนันทะพร หรือน้องวิลลี่ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุวันนั้น เห็นรถจักรยานทางขวาพยายามขับแซง และหลบหลุมเข้ามา จึงทำให้ตนเสียหลักเกือบล้มเอียงไปทางคันทางซ้าย และเบียดกันจนล้ม ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเบียดใคร แต่เป็นอุบัติเหตุ ทั้งนี้ แม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะถูกสังคมมองไม่ดี ไม่รู้สึกท้อแท้ เพราะความจริงก็คือความจริง เรารู้อยู่แก่ใจ แม้ไม่มีใครรู้ แต่เราก็รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำ แต่ก็ต้องขอโทษผู้ที่ล้มด้วย ซึ่งบทลงโทษทั้งหมด และหากผลการตรวจสอบจะออกมาอย่างไร ก็ยินดีรับโดยไม่มีข้อแม้ และจะยังมุ่งมั่นฝึกซ้อม เชื่อฟังครู อาจารย์ เพื่อทำตามความฝันที่จะมุ่งสู่นักกีฬาทีมชาติต่อไป