ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ ยูโร 2020” เข้าสู่การแข่งขันในรอบ 8 ทีม สุดท้าย หรือ รอบก่อนรองชนะเลิศ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 ก.ค. เป็นต้นไป คู่แรก สวิตเซอร์แลนด์ พบกับ สเปน แข่งกันในเวลา 23.00 น. ตามเวลาในไทย , คู่ที่ 2 แข่งกันในเวลา 02.00 น. (เข้าสู่วันเสาร์ที่ 3 ก.ค. ) เบลเยียม พบ อิตาลี
ส่วนการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 3 ก.ค. สาธารณรัฐเช็ก พบ เดนมาร์ก แข่งกันในเวลา 23.00 น. และ ยูเครน พบกับ อังกฤษ ในเวลา 02.00 น. เข้าสู่เช้าวันที่ 4 เส้นทางของทั้ง 8 ทีม ใน”ยูโร2020″ ก่อนมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ น่าสนใจว่าทีมที่รักษาพื้นที่จ่าฝูง นับจากรอบแบ่งกลุ่ม จนมาถึง 16 ทีม และเข้าสู่รอบ 8 ทีม โดยทีมจ่าฝูงจากรอบแบ่งกลุ่ม ที่อยู่ในเส้นทาง ได้แก่ อิตาลี จากกลุ่ม A , เบลเยียม จากกลุ่ม B , และ อังกฤษ จากกลุ่ม D
เส้นทางของจ่าฝูงในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ทำผลงานจาก 16 ทีม มาถึง รอบ 8 ทีม ของ”ยูโร2021″ อิตาลี เอาชนะ ออสเตรีย 2-1 และต้องไปพบกับ “ ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยียม ในรอบนี้ ส่วน อังกฤษ ทำผลงานในรอบ 16 ทีม ด้วยการ เอาชนะเยอรมนี 2-0 โดยอังกฤษ จะไปพบกับยูเครน ทีมอันดับ 3 จากกลุ่ม C ที่ฝ่าฟันมาถึงรอบนี้
หากประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้แล้ว สำหรับรอบ 8 ทีม สุดท้าย บรรดาทีมจ่าฝูงจากรอบแบ่งกลุ่ม ในรายของอังกฤษ น่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่รับมือไหว ในการพบกับยูเครน ต่างไปจากในคู่ของ เบลเยียม พบกับ อิตาลี ที่กลายเป็นการตัดกันเอง ของ 2 ทีมชั้นนำ หรือจ่าฝูงของแต่ละกลุ่ม โดย เบลเยียม ในรอบ 16 ทีม เอาชนะ โปรตุเกส 1-0 ส่วน อิตาลี ในรอบ 16 ทีม ทำผลงาน ชนะออสเตรีย 2-1 จนเข้ามรอบ 8 ทีม เจอกับ ปีศาจแดงแห่งยุโรป เบลเยี่ยม คู่นี้อยู่ที่จังหวะใครจะดีกว่ากัน อาจจะต้องเตะต่อเวลา สำหรับคู่นี้