วันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลมีเดียและเฟซบุ๊กได้แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Peerapat Chunjaichoon ที่กำลังไลฟ์สดเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่ามีรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นเทรลเบลเซอร์ สีดำ ทะเบียน กจ 7358 อุตรดิตถ์ เสียหลักพุ่งชนกับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานปั่น 2 ล้อ ก่อนเสียหลักพุ่งไปชนหน้าร้านแว่นยี่ห้อดัง จนกระจกหน้าร้านแตกกระจาย ส่งผลให้ในที่เกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณสี่แยกบ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวรายหนึ่งที่นอนจมกองเลือดไม่ได้สติอยู่บนถนน ก่อนทำการปั๊มหัวใจแต่ไม่มีการตอบสนอง จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานได้ช่วยเหลือเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ คือ น.ส.มณนภา เกตุแก้ว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 9 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ ร.อ.สมชาย มังคละเกษม อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/2 หมู่ 3 ต.บ้านโคก อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ คนขับรถยนต์คันก่อเหตุ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก และ นางน้ำค้าง พันธุ์ดี อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/9 ถ.เอกาทศรถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้รับบาดเจ็บมีร่องรอยถลอกฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ขณะที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปชาวโซเชียลมีเดียต่างเข้ามาแสดงความคิดและแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพบว่าชายคนขับรถยนต์คู่กรณีมีลักษณะท่าทางคล้ายจะมึนเมาสุราหรือไม่ และเกรงว่าคนตายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง ร.ต.อ.มินทร์ มิชสินธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.50 น. ของวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันหลายคันบริเวณสี่แยกบ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงรุดไปตรวจสอบพบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นเทรลเบลเซอร์ สีดำ ทะเบียน กจ 7358 อุตรดิตถ์ พุ่งชนกับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ก่อนจะพุ่งชนกับรถจักรยานยนต์และรถจักรยานปั่น 2 ล้อ มีผู้บาดเจ็บหลายรายและเสียชีวิต 1 ราย หลังจากเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้วกู้ภัยได้นำส่งตัวคนขับรถยนต์คู่กรณีไปรักษาที่โรงพยาบาลพิษณุเวช เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานกับแพทย์เพื่อทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไว้เป็นหลักฐาน แต่ต้องรอผลตรวจยืนยันอีกประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะทราบผลที่แน่ชัด ในเรื่องคดีความนั้นจะเรียกสอบผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ขณะนี้ยังมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถให้ปากคำได้
ส่วนคดีนี้ตรวจสอบจากผู้เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุเบื้องต้น ทราบว่ารถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ได้ขับมุ่งหน้ามาทางสี่แยกไฟแดงบ้านคลองด้วยความเร็วสูง ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเป็นสัญญาณไฟเขียว แล้วขับมาปาดเลี้ยวซ้ายอย่างกะทันหันจนทำให้รถเสียหลักพุ่งชนกับรถเก๋งที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะชนกับรถจักรยานยนต์และรถจักรยานปั่น 2 ล้อ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และ น.ส.มณนภา เกตุแก้ว อายุ 24 ปี ที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พักเสียชีวิตในที่สุด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเฟซบุ๊กชื่อว่า Monnapa Ketkaew ได้มีกลุ่มเพื่อนๆ และคนรู้จักเข้ามาร่วมแสดงความอาลัยและแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต คือ น.ส.มณนภา เกตุแก้ว ซึ่งเกรงว่าคดีนี้จะเงียบหายไปและไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าชายคนขับรถยนต์คู่กรณีมีอาการมึนเมาระหว่างขับขี่หรือไม่ ส่วนผู้เสียชีวิตนั้นมีพี่น้องฝาแฝดที่เดินทางมาด้วยกันตอนเกิดเหตุ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และผู้ตายเพิ่งจะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยกำลังมีงานทำและเป็นความหวังของครอบครัวในอนาคตอีกด้วย
ล่าสุด ช่วงเย็นวันที่ 12 ก.ย. นายฉะโอด เกตุแก้ว อายุ 50 ปี และ น.ส.แสงเดือน โป้แล อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 94 หมู่ 9 บ้านวังชมพู ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้เดินทางมารับศพ น.ส.มณนภา เกตุแก้ว อายุ 25 ปี บุตรสาวที่นิติเวช รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของทุกคน
โดยนายฉะโอด เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า ปกติบุตรสาวทั้งสองคนจะกลับบ้านที่ ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย ทุกเย็นวันเสาร์ เมื่อวานนี้ทราบเหตุจากบุตรสาวคนโตที่บาดเจ็บไม่มากนักทางโทรศัพท์ ตนไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวตน สำหรับศพของบุตรสาวคนเล็กจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านของตนเอง ก่อนที่จะทำการฌาปนกิจศพตามประเพณี จากนั้นทางครอบครัวได้นำศพของ “น้องพลอย” ขึ้นรถยนต์ฉุกเฉินของมูลนิธิประสาทบุญสถานเดินทางออกไปจากโรงพยาบาล โดยมี “น้องพิมพ์” แฝดพี่ จุดธูปบอกกล่าวกับวิญญาณของ “น้องพลอย” แฝดน้อง ให้กลับไปด้วยกัน และนั่งเคียงข้างไปกับโลงศพทั้งน้ำตานองหน้า
น.ส.มณฑนา เกตุแก้ว หรือ น้องพิมพ์ อายุ 25 ปี เปิดเผยว่า ตนกับ น.ส.มณนภา ชื่อเล่นน้องพลอย เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน โดยตนเป็นแฝดพี่ทำงานตำแหน่งนักวิชาการเกษตรจ้างเหมาโครงการอยู่ที่ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก ส่วน น.ส.มณนภา เป็นแฝดน้อง ทำงานตำแหน่งนักวิชาการเกษตรจ้างเหมาโครงการอยู่ที่สำนักวิจัยพัฒนาการเกษตรเขต 2 พิษณุโลก วันนี้มาเจรจากับคู่กรณีที่ส่งตัวแทนมา เบื้องต้นทางคู่กรณีได้นำเงินค่ามนุษยธรรม เบื้องต้นมามอบให้กับมารดาของตน 40,000 บาท และนัดเจรจาค่าสินไหมครั้งต่อไปอีกประมาณสองอาทิตย์
น.ส.มณฑนา เล่าว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุตนขับขี่รถ จยย.กลับจากที่ทำงานมุ่งหน้ากลับหอพักใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม โดยขับอยู่ช่องทางซ้ายด้วยความเร็วประมาณ 20 กม.ต่อชั่วโมง จู่ๆ รถยนต์คู่กรณีที่ขับตามหลังมาได้เฉี่ยวชนรถเก๋งก่อนที่จะมาชนท้ายรถ จยย.ของตน ทำให้น้องสาวเสียชีวิตส่วนตนเองบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งทางตำรวจแจ้งว่าได้เจาะเลือดคู่กรณีไปตรวจหาแอลกอฮอล์แล้ว
Each month throughou…
Learning on Coursera…
This website uses cookies.