30-40 ปีก่อน Honda อาจจะเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ขายดี แต่ใช่ว่าพวกเขาจะได้รับการยอมรับจากผู้คงในวงการมากนัก โดยเฉพาะเรื่องราวของรถสปอร์ตนั้น สำหรับค่ายนี้ยังคงห่างไกลในมุมมองของใครหลายๆคน
อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงและอิมแพกต์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 80s ต่อต้น 90s เมื่อพวกเขาคิดจะทำ “ซูเปอร์คาร์” ขึ้นมาสักคัน เพื่อเปลี่ยนโลก และเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนทั้งโลกให้ได้
พวกเขานำเอาเจ้าแห่งความเร็วอย่าง ไอร์ตัน เซนน่า แชมป์โลก F1 ชาวบราซิล เข้ามามีส่วนร่วม และจากนั้นตำนาน “Honda NSX” ก็เกิดขึ้น
รวมพลังลบความเชื่อโลกตะวันตก
พูดถึงซูเปอร์คาร์ เชื่อว่าน้อยคนจะนึกถึงรถญี่ปุ่น เพราะแบรนด์ที่ติดปากติดหูคนทั่วไปมากที่สุดมักจะมาจากทวีปยุโรปอย่าง Lamborgini, Ferrari หรือแม้กระทั่ง Porsche มากกว่าที่จะเป็นแบรนด์อย่าง Nissan, Mazda, Toyota และแน่นอน Honda ก็เช่นกัน
แม้แดนอาทิตย์อุทัย จะมี Toyota 2000GT ที่ถูกขนานนามให้เป็นซูเปอร์คาร์คันแรกของญี่ปุ่นก็ตาม แต่นั่นเป็นผลผลิตจากยุค 60s ที่กาลเวลาทำให้ผู้คนเริ่มหลงลืมไป ทำให้ Honda ต้องการจะลบความเชื่อนั้นทิ้งเสีย … คำปรามาสที่บอกว่ารถญี่ปุ่นไม่สามารถเป็นซูเปอร์คาร์ได้
กฎของการเป็นซูเปอร์คาร์นั้นไม่มีคำนิยามอธิบายตายตัว แต่โดยทั่วไป ซูเปอร์คาร์ หมายถึงรถที่สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดระดับ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป นอกจากนี้ มันยังต้องมีการบังคับควบคุมที่ดี รูปทรงที่เพรียวลู่ลม ในราคาที่น้อยคนจะเอื้อมถึง แต่ที่สำคัญที่สุด มันจะต้องสะดุดสายตาของคนที่ได้มอง จนต้องหาโปสเตอร์รถรุ่นดังกล่าวมาแปะไว้ที่บ้านเพื่อฝันถึง
Honda พยายามสร้าง Honda NSX ออกมาตามโจทย์ดังกล่าว ทั้งเรื่องความเร็วและรูปลักษณ์ พวกเขาเรียกโปรเจกต์นี้ว่า NS-X ซึ่งมาจากคำว่า New (ใหม่) Sports (รถสปอร์ต) และ eXperimental (ประสบการณ์) … ในตอนแรก Honda ได้ใช้บริการ Pininfarina บริษัทออกแบบชื่อดัง ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบซูเปอร์คาร์มาแล้วมากมาย รวมถึง Ferrari ทำให้ชื่อของโปรเจกต์แรกเริ่มจริง ๆ นั้นคือ HP-X (Honda Pininfarina eXperimental) ก่อนที่พวกเขาจะมาดัดแปลงดีไซน์ให้เป็นลายเส้นของตัวเองในเวลาต่อมา
Honda ต้องการทีมงานที่มีประสบการณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาต้องการรถสปอร์ตของตัวเองในรูปแบบของการก็อปปี้แบรนด์ดัง พวกเขาต้องการความแตกต่าง โดยใช้คอปเซปต์ สนุก เรียบง่าย และใช้งานได้จริง หากให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือรถสปอร์ต Project NS-X จะต้องเป็น “Everyday Supercar” ที่เป็นได้ทั้งผู้ชนะในสนามแข่ง และยังสามารถขับขี่บนท้องถนนเพื่อไปซื้อของตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านของชำได้ด้วย
เรื่องของเครื่องยนต์ Honda ใช้การต่อยอดจากสิ่งที่มี นั่นคือเครื่องยนต์ V6 จาก Honda Legend รถหรูสุดของค่าย ทว่าเมื่อได้ลองประกอบและทดสอบความเร็วแล้วทุกคนต้องส่ายหัว คอมเมนท์ไปในทิศทางเดียวกันว่า “ยังแรงไม่พอ” … พวกเขาต้องการใครสักคนเข้ามาช่วยออกแบบเครื่องยนต์ที่เร็ว แรง ทะลุถนน ตามที่เคยตั้งปณิธานไว้ เมื่อนั้นพวกเขาต้องเรียกหน่วยเสริมที่มาจากแผนกพัฒนามอเตอร์สปอร์ต เข้ามาช่วยทำให้มันแรงถึงใจดั่งที่หมายมั่นปั้นมือไว้
แผนกมอเตอร์สปอร์ตของ Honda ณ เวลานั้น คือทีมที่ทำเครื่องยนต์ให้กับรถแข่ง Formula 1 ของทีม McLaren โดยในช่วงปลายยุค 80s ต่อต้น 90s นั้น ทีมนี้ถือว่าดังในโลกความเร็วมาก ๆ เพราะมีนักขับระดับแชมป์โลกอย่าง ไอร์ตัน เซนนา และ อแลง พรอสต์ นั่นเอง
นั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด อยากแรงก็ต้องถามคนเร็ว ทีมงานมอเตอร์สปอร์ตเข้าร่วมทีมพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับ “ซูเปอร์คาร์คันแรก” โดยหนึ่งในผู้ช่วยทดสอบและออกความคิดเห็นคือ เซนนา นักขับชาวบราซิล ตำนานแห่งวงการ F1 ที่เข้ามาช่วยในเรื่องการออกแบบรถซูเปอร์คาร์ใน Project NS-X ซึ่งหลังจากการรวมพลังกัน เครื่องยนต์จากรถหรูก็ได้ถูกเสริมกล้ามเข้าไปให้ทรงพลังยิ่งขึ้น ขยายความจุจาก 2.7 ลิตร เป็น 3.0 ลิตร เสริมด้วยระบบวาล์วแปรผัน VTEC แคมกระดกวาล์วกระดิก ให้รีดม้าในรอบสูงได้สะใจยิ่งขึ้น จนเป็นที่พอใจของทีมผู้สร้างแล้ว
ทว่าสำหรับ เซนนา ที่เคยขับรถเร็วกว่านี้ แรงกว่านี้ กลับยังไม่กล้าบอกได้เต็มปากว่า NS-X นั้นอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ เขาเป็นคนที่ถ้าได้ทำอะไรแล้วต้องไปให้สุดทาง เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์หลังขับรถตัวทดสอบรุ่นแรกในปี 1987 แบบถนอมน้ำใจ แต่ความหมายคือมันยังไม่เฟอร์เฟกต์อย่างที่เขาต้องการ
“ผมไม่แน่ใจว่าผมจะให้คำแนะนำกับรถที่ต้องผลิตออกมาขายเป็นจำนวนมากได้ดีไหม แต่ผมรู้สึกว่าที่เป็นอยู่มันยังไม่เนี้ยบพอ ผมคิดว่ามันยังดู ‘เปราะบาง’ ไปหน่อย” เซนนา ว่าเช่นนั้น
หลังจากจบประโยคดังกล่าวได้ไม่นานนัก เซนนา ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาในการผลิตรถ NS-X อย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์เท่านั้น แต่คุณภาพของทั้งคันจะต้องทำให้ เซนนา พยักหน้าและบอกว่า “เยี่ยมจริง ๆ” ให้ได้
ไอร์ตัน เซนนา
หลังจากคอมเมนท์ของ ไอร์ตัน เซนนา ที่ได้ขับ NS-X ตัวทดสอบ ทีมงานของ Honda ก็กลับไปพัฒนาอย่างจริงจัง เรื่องความแรงไม่มีต้องเป็นห่วงเพราะวิทยาการของฝั่งมอเตอร์สปอร์ตนั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่รูปลักษณ์ และการใช้งานจริงตามวัตถุประสงค์ของรถ คือสิ่งสำคัญมากสำหรับรถสปอร์ต มันต้องดูแพง และดูมีประสิทธิภาพ รวมถึงทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ขับขี่ด้วย
เซนนา คือคนแนะนำทีมวิศวกรของ Honda ให้เลือกใช้ตัวถังที่ทำมาจากอลูมิเนียมทั้งคัน เพราะจะได้ทั้งความทนทานและน้ำหนักเบาในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ รูปทรงภายนอก โดยเฉพาะกระจกรอบคัน ยังได้รับแรงบันดาลใจจากคอกพิตของเครื่องบินรบ F-16 … เหตุผลไม่ใช่เพราะความเท่อย่างเดียวเท่านั้น แต่เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้กับคนขับ สามารถมองได้แบบรอบทิศทาง 360 องศาอีกด้วย
เรื่องของตัวถังแบบอลูมิเนียมนั้นถือเป็นสิ่งที่ Honda ยังไม่เคยทำ พวกเขาใช้เวลาทำให้วิทยาการนี้ลงตัวและตอบโจทย์อยู่นานมากถึง 2 ปี จนทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ความแข็งแกร่งของตัวถังเพิ่มจากรถทดสอบรุ่นแรก ๆ ถึง 50% พวกเขาก็เพิ่มออปชั่นต่าง ๆ เข้าไป ทั้งเครื่องปรับอากาศ, เบรก ABS และ สิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้รถใช้ถนนในชีวิตประจำวัน
พวกเขาเชิญ เซนนา มาทดสอบอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1989 ซึ่งถือเป็นการทดสอบเพื่อยืนยันอีกครั้งว่าแจ๋วจริง ซึ่งหนนี้ เซนน่า ก็ยังมีคอมเมนท์เกี่ยวกับระบบกันสะเทือน และสิ่งต่าง ๆ จนท้ายที่สุด Honda ก็เปิดตัว NSX แบบ โปรโตไทป์ ที่สมบูรณ์แบบตัวแรกให้โลกได้เห็นที่งาน ชิคาโก มอเตอร์ โชว์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ณ เวลานั้นสื่อเกี่ยวกับยานยนต์ทั่วโลกตื่นตัวกับ Honda NSX ที่เปิดตัวและทำแบรนด์ในชื่อ Acura (เฉพาะในตลาดอเมริกาเหนือและฮ่องกง) เป็นอย่างมาก รีวิวจากสื่อที่ได้ขับอธิบายเพียงสั้น ๆ ว่า “นี่คือรถยนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และรถทุกคันในยุคนี้เทียบไม่ได้เลยกับรถของ Honda คันนี้”
บทความจากเว็บไซต์ระดับโลกอย่าง GQ Magazine ที่เขียนโดย โจนาธาน ฮีฟ ได้รีวิวเกี่ยวกับรถ NSX ไว้แทบทุกซอกทุกมุม และเขาให้คำชื่นชมกับรถที่ ไอร์ตัน เซนนา ช่วยพัฒนาคันนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งบทความนี้เขาเขียนไว้ในปี 2020 หรือหลังจากที่รถ Honda NSX วางขายครั้งแรก 30 ปี แต่เขาบรรยายถึงช่วงเวลาที่ Honda เริ่มเขย่าตลาดซูเปอร์คาร์ได้เป็นอย่างดี
“ในยุคนั้น คุณต้องเข้าใจว่า Honda ไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนในปัจจุบัน แต่พวกเขาท้าทายด้วยการพยายามสร้างซูเปอร์คาร์ของตัวเองและได้ NSX ออกมา”
“ผมจำได้ว่าความทะเยอทะยานครั้งนั้นของ Honda สั่นคลอนจนถึงขั้นทำให้เบอร์ 1 อย่าง Ferrari ต้องตื่นตัวครั้งใหญ่ พวกเขาไม่คิดว่ารถญี่ปุ่นจะสามารถทำออกมามีคุณภาพได้ขนาดนี้ จริงอยู่ที่ตอนนั้น Honda เริ่มมีส่วนร่วมในมอเตอร์สปอร์ตแล้ว แต่ความสำเร็จของ NSX นั้นสำคัญมาก มันส่งอิมแพกต์ครั้งใหญ่ ที่ทำให้ Honda มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมากในหลายปีต่อมา”
“รถคันนี้ต้องการให้คุณขับ มากกว่าที่มันจะขับคุณ” คำบรรยายดังกล่าวสัมพันธ์กับปณิธานในการผลิตรถคันนี้ขึ้นมาอย่างแท้จริง
ปีแรกที่ Honda NSX วางขาย ในปี 1990 พวกเขาขายได้ถึง 1,119 คัน ตลาดที่อเมริกาตื่นตัวเป็นอย่างมาก จนชนิดที่ว่าแม้แต่คนญี่ปุ่นที่อยากจะได้ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้มาครอบครองต่อให้มีตังค์ก็ยังไม่ได้รถ ต้องสั่งจองอย่างน้อย 2 ปีเลยทีเดียว
สุดยอดจนกระทั่งทุกวันนี้
แม้จะผ่านกาลเวลามานานถึงกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ Honda NSX รุ่นแรกวางขาย แต่ทุกวันนี้ซูเปอร์คาร์สัญชาติญี่ปุ่นคันนี้ก็ยังมีราคาแรงดีไม่มีตก โดยในตลาดรถมือสองของไทย ราคาของ Honda NSX แบบเดิม ๆ นั้นแทบจะเรียกได้ว่า “ไม่มีราคากลาง” ขึ้นกับความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายเป็นหลัก ซึ่งมีข่าวว่า NSX ในไทยที่มีการซื้อขายกันไม่นานนี้ ตัวเลขราคาจบที่ราว 6-7 ล้านบาทเลยทีเดียว
ความสุดยอดของ NSX ที่อยู่ข้ามยุคสมัยคือ “ความคลาสสิก” และ “เรื่องราว” ของมัน อย่างที่หลายคนรู้กัน หลังจากที่ เซนนา ร่วมพัฒนา NSX ได้ไม่กี่ปี เขาก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในสนามแข่งเมื่อปี 1994 และนั่นทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในการ “Tribute” หรือคารวะสิ่งที่ เซนนา ทำ มันคือมรดกที่เป็นแรงกระเพื่อมของยุคสมัยอย่างแท้จริง
อิมแพกต์ คือสิ่งที่ใครไม่กล้าปฏิเสธ Honda NSX ถึงขนาดที่ว่าในตอนที่รถวางขายใหม่ๆ มีการทดสอบที่เรียกว่า “โอลิมปิกของซูเปอร์คาร์” ของนิตยสาร Car & Driver ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นำ 5 ซูเปอร์คาร์แห่งยุค 90s อย่าง Acura NSX-T (T มาจาก Targa Top หลังคาถอดเก็บได้ ส่วนยี่ห้อไม่ต้องตกใจ เราได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว), Dodge Viper RT/10, Ferrari F355, Lotus Esprit S4S และ Porsche 911 Turbo (993) มาดวลกัน
จาก 5 คันนี้ แรงม้าของ NSX ถือว่าน้อยที่สุด แต่เมื่อต้องมาดวลกันจริง ๆ ซูเปอร์คาร์จากแดนอาทิตย์อุทัยทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 แพ้ให้กับ Porsche 911 Turbo คันเดียวเท่านั้น และสิ่งสำคัญที่สุด คือการเอาชนะรถที่แพงกว่า และถูกมองว่าเป็นสุดยอดวิวัฒนาการอย่าง Ferrari F355 (ซึ่งเข้าป้ายอันดับ 3) ได้
เหตุผลที่ชนะมาจากทีมออกแบบนำโดย มาซาฮิโตะ นากาโนะ และหัวหน้าทีมวิศวกรอย่าง ชิเงรุ อุเอฮาระ ที่สามารถดึงเอาหลักอากาศพลศาสตร์มาใช้ได้อย่างลงตัว และแน่นอนที่สุด ตัวถังที่ทำมาจากอลูมิเนียมมีน้ำหนักที่เบากว่า จึงทำให้ NSX สามารถชนะซูเปอร์คาร์ที่แพงกว่า และแรงม้ามากกว่าได้นั่นเอง
และหากคุณคิดว่านี่ยังไม่น่าทึ่งพอ เวลาดีที่สุดที่ทำได้ใน เนอร์เบิร์กริง นอร์ดชไลเฟอ สนามแข่งสุดโหด เมกกะแห่งการทดสอบรถแรงที่ประเทศเยอรมัน จะทำให้คุณทึ่งไปอีก เพราะ NSX สามารถวิ่งรอบสนามความยาว 20 กิโลเมตร ได้ด้วยเวลา 8 นาที 16 วินาที เร็วกว่า Ferrari F355 ถึง 2 วินาที และเร็วกว่า Nissan Skyline GT-R (R32) ก็อดซิลล่าเพื่อนร่วมชาติถึง 6 วินาที … ทั้ง ๆ ที่เครื่องยนต์ของ NSX ไม่มีเทอร์โบอย่างที่ GT-R มี
ไม่มีใครปฏิเสธว่าทุกวันนี้อาจจะมีรถสปอร์ต ที่ทั้งแรงกว่า, สวยกว่า, หรูกว่า และสะดวกสบายกว่า Honda NSX ออกสู่ตลาดมากมาย แต่ที่สุดแล้ว เรื่องราวระดับตำนานเช่นนี้ คือสิ่งที่ทำซ้ำไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเล่นรถหลายคน มี Honda NSX เป็นรถในดวงใจ
“ถ้าเทียบกับ ซูเปอร์คาร์ ยุคปัจจุบัน ความแรงของ Honda NSX ถือว่าเป็นอะไรที่น่าขำมาก”
“แต่ใครอยากจะเร็วเกินไปในเมื่อคุณดูดีและสนุกกับการขับขี่ได้ขนาดนี้ … สิ่งที่ NSX ขาดคือเรื่องความเร็ว แต่มันถูกทดแทนด้วยเรื่องการควบคุมและบังคับที่ยอดเยี่ยม ถามว่าใครกันละที่ทำให้มันออกมาเนียนได้ขนาดนี้ … จะใครเสียอีก ไอร์ตัน เซนนา ตำนานของพวกเราคนเดียวเท่านั้น” นักเขียนจาก GQ กล่าวทิ้งท้ายในบทความ The Honda NSX: the Ayrton Senna-approved (everyday) supercar revisited