Charge ‘Eleanor’ Ford Mustang
ข้อมูลจำเพาะของ Charge Ford Mustang มอเตอร์สี่ตัว กำลัง 536 แรงม้า และแรงบิด 1198 นิวตันเมตร ใช่ครับนั่นมันบ้ามากเลยทีเดียว เจ้า Mustang EV ขับเคลื่อนสี่ล้อ ความจุแบตเตอรี่ 64kWh ชาร์จไฟเต็มแบตฯไปได้ไกลถึง 321 กิโลเมตร โดยที่ไม่ต้องเปลืองน้ำมันสักหยดที่ฟังดูดีมากๆ มันเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ในเวลาน้อยกว่าสี่วินาที และมีความสามารถในการอัดประจุไฟฟ้าด้วยฟังก์ชันการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC 50kW เมื่อมองไปที่เทคนิคเกี่ยวกับพลวัตและความประณีต ใช่ครับ รถสปอร์ตรุ่นเก่าพวกนี้ ต้องมีการขัดเกลาบางอย่างที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะสนิมที่แสนสาหัส และการตัดตัวถังบางส่วนเพื่อดัดแปลงตำแหน่งของการติดตั้งแบตเตอรี่เอาไว้บนพื้นรถ แต่สิ่งที่ตอกย้ำการสร้าง Charge ‘Eleanor’ Ford Mustang ก็คือ การรักษาจิตวิญญาณของ Mustang บางส่วนให้คงอยู่ ไม่ใช่แค่เรือนร่างเท่านั้นที่แสดงออกถึงความเป็นตำนานบนถนนของอเมริกัน Mustang ยุคแรกมักเป็นรถยนต์ที่ขับได้ห่วยเหมือนฟองน้ำที่เปียกโชก แต่มาพร้อมคุณลักษณะเด่นคือ เครื่องใหญ่หัวใจโต ท้ายไวเหมือนคนเป็นโรคเส้นประสาท และความสามารถในการเข้าถึงด้านอารมณ์การขับเป็นมาตรฐาน Mustang EV อาจจะใช้ได้ในวันอาทิตย์ ตราบใดที่คุณไม่ลืมเสียบปลั๊ก
Chevrolet Blazer-E
Chevrolet 1977 K5 Blazer เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวียุคแรกๆ ที่ได้รับการปรับปรุงระบบขับเคลื่อนแบบใหม่นี้ ให้เป็นที่รู้จักในชื่อ Blazer-E นั่นอาจทำให้คุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการดัดแปลงยานยนต์โบราณในยุค 70 ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ใช่แล้ว เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.6 ลิตรดั้งเดิมและเกียร์อัตโนมัติสามสปีดได้ถูกถอดออกไปแล้วเนื่องจากหนูเข้าไปทำรังและกินสายไฟจนเรียบ! เครื่องยนต์แคมเดี่ยวแสนโบราณและซดน้ำมันยังกับอูฐ ถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร แค่นี้ก็ทำให้ Chevrolet Bolt ของคุณปู่ ฟื้นคืนชีพกลายมาเป็นรถ EV ได้แล้ว เหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบขับเคลื่อนที่อาจเป็นการดูหมิ่นรถคลาสสิกที่มีเครื่องยนต์เป็นหัวใจของการขับเคลื่อน ค่าย Chevy กำลังวางแผนที่จะขายระบบส่งกำลังไฟฟ้านี้เป็นแพ็กเกจสำหรับเจ้าของเก่าที่ไม่ต้องการซื้อรถใหม่ นั่นหมายความว่านอกจากมอเตอร์แล้ว ยังมีชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 60kWh และแม้กระทั่งระบบเบรกแบบ regenerative braking คือใหม่ทั้งหมด เจ้า Blazer-E ยังคงรักษากล่องเกียร์ เพลาขับ และเพลาไว้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เก็บเบาะหลังไว้ด้วยเพราะต้องหลบให้กับชุดแบตเตอรี่ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่นั่นเอง
Totem Alfa Romeo Giulia GT electric
ดูเหมือนว่า restomods Alfa Giulia GT ที่ใช้ไฟฟ้านั้นค่อนข้างได้รับความนิยมจากเศรษฐีเก่าที่ครอบครองรถคลาสสิก ดังนั้นถ้าคุณมีรถรุ่นนี้ของพญางู ก็เตรียมเงินสำหรับการดัดแปลงได้เลย ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นโดย Totem Automobili กับผลิตภัณฑ์แรกที่ใช้รถคูเป้ของ Alfa อย่างที่คุณเห็น นั่นถือเป็นการบูรณะและชุบชีวิตของพญางู Alfa Romeo Giulia GT ที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ ซึ่งแสดงผลของการปรับเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงไปเป็นกระแสไฟฟ้า ใช่แล้ว มันสูบกินกระแสไฟจำนวนมาก เพราะรถคันนี้ – ถูกขนานนามว่าเป็น GT ไฟฟ้า ที่มีมอเตอร์กำลังมากถึง 518 แรงม้า นั่นค่อนข้างมากกว่า Giulia GT ดั้งเดิมที่มีแค่ 192 แรงม้า และมากกว่า Alfa Giulia Quadrifoglio ใหม่เล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของพลังงานจาก Alfa GTA ตัวใหม่ที่บ้าคลั่ง Totem เริ่มต้นด้วยการกระทำที่อาจเป็นการดูหมิ่นพวกสาวกของพญางู (ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองสิ่งเหล่านี้อย่างไร) มันถูกถอดและแยกชิ้นส่วนออกทั้งหมด รถ GT Junior 1300/1600 ของปี 1970 ถูกรื้อทั้งคัน ตัดและทุบบริเวณจุดที่จะต้องติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ จากนั้นทำให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยงานเชื่อมตัวถังใหม่ และปรับเฟรมให้มีความแข่งแรงเพื่อรองรับกำลังจาก 192 แรงม้า เป็น 518 แรงม้า การป้องกันการบิดตัวของแชสซีที่ออกแบบและผลิตมานานมากแล้ว นั่นถือว่าโคตรยากละครับ
Lunaz Range Rover Classic
ตอนนี้ใครต่อใครที่กำลังบ้ารถไฟฟ้าน่าจะรู้เรื่องบริษัทรับโมอย่าง Lunaz กันหมดแล้ว นี่คือบริษัทที่มีฐานการผลิตอยู่ในซิลเวอร์สโตน ซึ่งเป็นธุรกิจการผลิตรถยนต์คลาสสิกไฮเปอร์ลักชัวรีที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และมีการเปิดตัวรถคลาสสิกไฟฟ้าอย่าง Jaguar XK120, Bentley Continental และ Rolls Royce Phantom ผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับ Lunaz Range Rover Classic มันไม่ได้เพียงแค่รถเก่าที่พยายามใส่แบตเตอรี่จำนวนมากไว้ใต้พื้นรถและส่งถึงมือเศรษฐีที่สั่งซื้อ Lunaz Range Rover Classic คือการปรับโครงสร้างใหม่ของ Range Rover รุ่นเก่า Classics (ทั้งแบบสามหรือสี่ประตู) โดยชิ้นส่วนทั้งหมดของรถจะถูกถอดออกจนหมด เหลือแต่โครงรถเปล่าๆ ก่อนที่จะติดตั้งระบบส่งกำลัง EV เข้าไป โดยพยายามหลีกเลี่ยงการดัดแปลงที่ต้องตัด หั่นหรือทุบ รถยนต์ Range Rover Classic พร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทุกคัน จะได้รับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ผสมผสานการทำงานอย่างลงตัว พร้อมด้วยระบบอินโฟเทรเมนท์แบบใหม่ เครื่องปรับอากาศดิจิทัล และความบันเทิงทั่วทั้งห้องโดยสาร หากคุณเคยเห็นโปรเจกต์อื่นๆ ก็จะรู้ว่า Lunaz ไม่น่าจะทำให้เรื่องแบบนี้ให้ยุ่งยาก แต่อย่าลืมว่ารถโบราณ เหล่านี้เป็นงานศิลปะที่ควรค่าแก่การสะสมสำหรับคนรักรถ บางคนก็มีอดีตที่ยากจะลืมกับรถโบราณของครอบครัว การถือกำเนิดใหม่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านับเป็นเรื่องที่ดีมาก
Volkswagen e-Bulli
รถตู้โบราณดูห่างไกลกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จากความคลาสสิกที่มาพร้อมกับทรงกล่องนม การออกแบบที่สวยงามช่วยทำให้ซากรถตู้ของ Volkswagen ได้รับการชุบชีวิตใหม่ด้วยระบบขับเคลื่อนพลังงานสะอาดที่ยอดเยี่ยม แม้ว่ารถแซมบ้าบัสรุ่นปี 1966 คันนี้จะไม่ใช้เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศอีกต่อไป ภายใต้เปลือกตัวถังเป็นระบบส่งกำลัง e-Up ที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด จากความช่วยเหลือของ eClassics VW มีการถอดเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สี่สูบแบบเก่า ซึ่งให้กำลังแค่ 43 แรงม้าออกไป แล้วแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 82 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังเข้ามาแทน มอเตอร์ดังกล่าว เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ 45kWh ชาร์จไฟจนเต็มวิ่งได้ไกล 200 กิโลเมตร สามารถชาร์จเร็วแบบ DC จาก 0 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 40 นาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่เครื่องยนต์เดิมๆ จะจำกัดไว้ที่ประมาณ 104 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Opel Manta GSe ElektroMOD
ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตใหม่ที่ไร้สิ่งโสโครก นี่คือรถคูเป้สุดสวยของ Opel ที่มีการบูรณะระบบขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า รถเก่าอย่าง Opel Manta ได้รับการฟื้นคืนชีวิตให้กับรถคุณยายยังสาว ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาดเล็ก Opel Manta ใช้การออกแบบสไตล์วินเทจที่สวยงาม ออกแบบมาเพื่อรองรับกระแสความนิยมสำหรับ restomods แบตเตอรี่ความจุ 31kWh ชาร์จไฟจนเต็มไปได้ไกล 190 กิโลเมตร ใช้เวลาสี่ชั่วโมงในการเติมประจุ AC จากเต้ารับบนผนังทั่วไปโดยไม่มีหัวเสียบแบบ DC เช่นเดียวกับ Corsa-e และ Mokka-e เจ้า Manta ยังมีระบบเบรกแบบ regenerative braking เพื่อไม่ทำให้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ากินกระแสมากจนเกินไป
Zero Labs Land Rover
นอกจาก Ford Bronco แล้ว Zero Labs ยังลงมือลงแรงกับรถเอสยูวีคลาสสิกเต็มรูปแบบอย่าง Land Rover Series III อีกด้วย ค่าย Zero Labs มี Land Rover Series III ดัดแปลงเป็นรถไฟฟ้าจำหน่ายในรุ่น ‘Beach’ ทั้งแบบกระบะช่วงสั้นและแบบ ‘คลาสสิก’ ดั้งเดิม แต่ละรุ่นมีราคาประมาณ 185,000 เหรียญสหรัฐ ติดตั้งระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระ แบตเตอรี่สองระดับความจุ ทั้ง 85 หรือ 100kWh ชาร์จเต็มใช้งานได้ไกลถึง 378 กิโลเมตร กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงสองตัว หน้า-หลัง มากถึง 600 แรงม้า นอกจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว Zero Labs ยังได้ปรับโครงสร้างของระบบขับเคลื่อน 4×4 แบบเก่าออกไปทั้งหมด โดยเปลี่ยนทั้งกลไกและสุนทรียภาพของการขับเคลื่อนให้เป็นยานยนต์เอสยูวีคุณภาพสูงที่สวยงามและมีคุณภาพ
Lunaz Rolls-Royce Phantom
นี่คือรถหรูสุดคลาสสิกของอังกฤษ เจ้าปิศาจดำ Rolls-Royce Phantom V ปี 1961 กับการปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนใหม่ ถือเป็นการบูรณะหนึ่งในยานยนต์ที่ดีที่สุดในโลก Lunaz ดึงรถแต่ละคันกลับไปที่งานโลหะขั้นพื้นฐาน จากนั้นทำการสแกน 3 มิติ ก่อนที่จะยกระบบขับเคลื่อนที่สกปรกออกไป ซึ่งเดิมที เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบให้เงียบที่สุดในยุค 1960 คุณจะพบก้อนแบตเตอรี่ความจุขนาด 120kWh วางอยู่ใต้พื้นรถที่บุด้วยพรมรองพื้นหนาเตอะ Lunaz อ้างว่าด้วยขนาดของแบตเตอรี่ลิเธียมเพียงพอที่จะจ่ายพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนปิศาจดำได้ไกลกว่า 480 กิโลเมตร Lunaz Rolls-Royce Phantom EV มีสีทูโทน หนังวัวคุณภาพสูง และงานไม้ดั้งเดิมของรถที่ผลิตในปี 1961, ทุกชิ้นส่วนได้รับการบูรณะและปรับแต่งใหม่ด้วยสีโรสโกลด์ ฉากกั้นคู่ด้านหลังเพื่อความเป็นส่วนตัว, มินิบาร์ขนาดเล็ก! และพื้นที่สำหรับการนอนหลับพักผ่อนด้านหลัง ขณะเดินทางด้วยความเงียบจากการขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้า
Jaguar E-Type Zero
ภายในเวิร์กช็อปของ Jaguar Classic ซึ่งถูกปรับแต่งให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีชื่อว่า ‘Project Marmite’ เนื่องจากบริษัทเล็กๆ ในเมือง Swindon รู้ดีว่า การดึงหัวใจสุดคลาสสิกของ E-Type ออกไป แล้วใส่ระบบขับเคลื่อน EV เต็มรูปแบบเข้ามาแทนที่ น่าจะทำให้เกิดกระแสความต้องการปรับเปลี่ยนพลังงานขับเคลื่อนในรถโบราณมากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริง E-Type Zero ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จะไม่มีวันได้รับความรักหรือความชื่นชอบในระดับสากล จากเหล่าบรรดามหาเศรษฐีที่ครอบครองความคลาสสิกของเจ้าเสือ เห็นได้ชัดว่าคุณสามารถเสียบกลับเครื่องยนต์เดิมและระบบขับเคลื่อนแบบเดิมๆ กลับเข้าไปได้ หากคุณเปลี่ยนใจจากมอเตอร์กลับไปเป็นการเผาเชื้อเพลิงเหมือนเดิม ล่าสุด มีรายงานว่าโครงการดัดแปลงเสือสปอร์ตในอังกฤษได้หยุดลงชั่วคราวจากปัญหาด้านเงินทุน แต่คาดหวังกันว่า E-Type Zero น่าจะเสร็จ และออกมาวิ่งในเขตเข้มงวดมลพิษของลอนดอนอีกครั้งด้วยพลังไฟฟ้า
Swindon Powertrain Classic Mini Kit
สำหรับคนที่ชอบรถ เราทุกคนต่างพูดกับตัวเองว่า ‘ฉันชอบที่จะซื้อ Mini แบบคลาสสิกและนำกลับมาใช้ใหม่ในสภาพเดิมๆ’ และตอนนี้เป็นโอกาสของคุณที่จะทำอย่างนั้นแล้ว โดยรักษาช่วงเวลาที่เคยรุ่งเรืองของรถเล็กชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษเอาไว้ บริษัท Swindon Powertrain ได้เปิดตัว ‘Classic Mini Kit’ ซึ่งเป็นชุดคิท สำหรับมินิมินเนี่ยน ที่คงความเป็นเจ้าโกคาร์ทขับมันเอาไว้เหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือ พลังงานสะอาดที่ถูกนำมาแทนเครื่องยนต์ตัวเล็กที่รวนเก่ง Classic Mini Kit ดังกล่าวเป็นกล่องของเล่นที่ประกอบด้วยการตั้งค่า “HPD E” ของ Swindon Powertrain ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวรที่ไม่มีแปรงถ่านขนาด 107 แรงม้า ระบบส่งกำลังที่ไร้มลภาวะ ทั้งหมดติดตั้งไว้ล่วงหน้าในซับเฟรมด้านหน้าของ Mini โบราณ พร้อมขายึดที่ออกแบบมาสำหรับการติดตั้งโดยเฉพาะ ชุดดัดแปลงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านี้ มีน้ำหนักเพียง 70 กิโลกรัม และมีราคาเริ่มต้นที่ 8,850 ปอนด์ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจะกลายเป็น 10,620 ปอนด์)
Icon Electric Mercury Coupe
พื้นฐานของเจ้าMercury Coupe สปอร์ตบุโรทั่งของอเมริกันในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ยังคงเป็นสีดั้งเดิมทั้งหมด ใช่ครับมันดูดีเลยทีเดียว เมื่อรวมถึงสีที่มีการจดสิทธิบัตรอย่างถูกต้องอีกด้วย อเมริกันจอมซ่า ปี 1949 Mercury Eight Coupe แน่นอนว่าชื่อนี้มีไว้สำหรับเครื่องยนต์ก้านกระทุ้งแบบแปดสูบ (V8) ซึ่ง Icon Electric Mercury Coupe นั้นทำการยกออกไปอย่างไม่รีรอ สาระสำคัญของ Mercury EV จาก Icon นั้นเหมือนกับการบูรณะรถคลาสสิกแบบมืออาชีพทั่วไป นั่นก็คือ นำรถเก่ามารื้อออกจนหมด ทำให้สวยงามขึ้น และขับได้ทุกวัน ด้วยชิ้นส่วนใหม่ ระบบขับเคลื่อนใหม่ด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าและแหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ แน่นอนว่า ความแตกต่างในส่วนนี้คือส่วนของ EV แทนที่จะเป็นเครื่องยนต์รุ่นเดิมที่ปัดฝาสูบมาแวววาวและสร้างแรงม้าหลายร้อยตัว กลับกลายเป็นแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวเพื่อสร้างแรงบิดสำหรับการออกตัวอย่างรุนแรง
Aston Martin DB6 Volante Electric
Aston Martin Works กังวลใจอย่างแท้จริงว่าทุกคนในบริษัทไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบการจอดรถด้วยระบบอัตโนมัติอาจไม่ชอบรถคลาสสิกที่ถูกเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน รถโบราณขึ้นทำเนียบอย่าง Aston Martin DB6 Volante Electric เป็นเพียงความคิด การทดลองและพยายามนำเสนอ รูปแบบใหม่ๆ ของระบบขับเคลื่อนพลังงานสะอาดซึ่งกำลังเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นอีกบทแห่งการผจญภัยในชีวิตอันยืนยาวของรถสปอร์ตสุดคลาสสิกรุ่น DB6 เป็นการพิสูจน์ถึงแนวคิดใหม่ที่เจ้าของ จะต้องจ่ายเงินประมาณ 200,000 ปอนด์ สำหรับการดัดแปลงเจ้า DB สุดสวยให้กลายเป็นยานยนต์ EV โครงการดังกล่าว นำเสนอโดยการถอดเครื่องยนต์และชุดขับเคลื่อนกลไกของ DB4, DB5, DB6 หรือ DBS ออกไปเก็บเอาไว้ แล้วแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มันอาจน่าเบื่ออยู่เหมือนกันที่คุณอาจไม่ได้กลิ่นน้ำมันรั่วอีกต่อไป แต่ถ้าเบื่อความเงียบและการเสียบปลั๊กชาร์จก็สามารถนำเครื่องยนต์ที่ชอบมีน้ำมันเครื่องรั่วไหลกลับมาติดตั้งใหม่ได้อีกครั้ง เพราะ Aston Martin Works เข้าใจความรู้สึกของลูกค้าบางรายที่ลองใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าแล้วอาจไม่ชอบก็ได้.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/