เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
ตำรวจทางหลวงจับจริงพวกแอดมินเพจ ยูทูปเบอร์ชื่อดัง แข่งรถบนถนนหลวง หนีกบดาน จ.เชียงใหม่ คอตกส่งศาล จ.ฉะเชิงเทรา
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. มอหมายให้ พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รอง ผบก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.8 บก.ทล. พ.ต.ท.วันชนะ ทิพย์อาสน์ สวญ.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. และกำลังตำรวจสถานีทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายปิยะพงษ์ วงษ์สุวรรณ อายุ ปี ยูทูปเบอร์เจ้าของชาแนล “ดุกส้ม” ผู้โพสต์คลิปแข่งรถยนต์ในถนนหลวง
สืบเนื่องจากเมื่อเดือน มี.ค. 64 พบว่ามีการแห่แชร์วิดีโอคลิปต้นกำเนิดความดัง BT50 VS ดุกส้ม เป็นวิดีโอบันทึกภาพการแข่งรถในถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วง กม.52-57 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นการประลองความเร็วระหว่างรถฮอนด้า ซีวิค สีส้ม-ดำ ทะเบียน ญง 6362 กทม. หรือรถดุกส้ม และรถกระบะ มาสด้า BT50 สีฟ้า ทะเบียน ตร 4762 กทม. หรือรถมะลิ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจนทราบว่า เจ้าของรถกระบะ คือ นายชวลิต สุวรรณ์ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก na nuk chawalit suwan ส่วนเจ้าของรถเก๋งดุกส้มเป็นช่องยูทูปใช้ชื่อดุกส้ม คือ นายปิยะพงษ์ วงษ์สุวรรณ ต่อมานายชวลิตได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนรับทราบข้อกล่าวหา และถูกนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดฉะเชิงเทราไปตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา หากแต่นายปิยะพงษ์ผู้กระทำความผิดอีกรายกลับหลบหนี กระทั่งศาลออกหมายจับฐานร่วมกันแข่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาต ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น
กระทั่งตำรวจทราบว่านายปิยะพงษ์หลบหนีไปกบดานที่ จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังไปควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีตามหมายจับและนำตัวส่งศาลในวันนี้ (11 พ.ค. 64)
โดยนายปิยะพงษ์เปิดเผยว่า ปกติตนขับรถแข่งในสนามจนได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้ว แต่เกิดมีการท้าทายกันเกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียจึงมีการนัดหมายแข่งขันบนทางหลวงดังกล่าว ซึ่งตนเป็นฝ่ายแพ้ ต่อมาทราบว่าถูกออกหมายจับ แต่เนื่องด้วยต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดทำให้ไม่สามารถเข้ามอบตัวได้ กระทั่งถูกจับกุมในที่สุด ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะต้องถูกดำเนินคดีและริบรถของกลางทั้งหมด
ทั้งนี้ ตำรวจทางหลวงแจ้งข้อมูลไปยังประชาชนว่า หากพบการรวมตัวมั่วสุมและเตรียมแข่งรถในทางสาธารณะหรือถนนสายหลัก สามารถแจ้งเบาะแสได้ทันที หรือแม้แต่สามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ได้โดยตรง ยืนยันว่าข้อมูลของพลเมืองดีจะเป็นความลับ นอกจากนี้ยังเพื่อเป็นการร่วมมือแก้ปัญหาการแข่งรถบนถนนซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุหรือทำให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อน