แจม รชตะ เผยชีวิตจากตัวประกอบค่าตัว 400 สู่พระเอกดาวรุ่งสุดฮอต

ฉากเลิฟซีนบนเตียง?

แจม : ต่างกันมากครับ ตอนถ่ายตัวละครที่เป็นคาแรกเตอร์ของจิวจริงๆ เราจะไม่เอาแจมเข้าไปผสมอะไรทั้งสิ้น สมาธิเราจะโฟกัสอยู่ที่ตัวละครแล้วความต้องการของเขาอย่างเดียวแล้วพอเราออกมานั่งดูตอนเช็กเทป โอ้โห…ทำไมมันดีจังเลย มู้ดมันดีไปหมด มันเห็นความรักของคนสองคน เขาเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างในชีวิต แล้วทั้งสองคนมาเติมเต็มให้กัน

ฉากนี้ถ่ายนานไหม?

แจม : นานครับ เริ่มตั้งแต่วิ่งเข้าไปในห้องแล้วไปเจอ ใช้เวลาตั้งแต่บ่ายโมงถึงประมาณเกือบๆ 5 โมงครึ่ง เพราะทางผู้กำกับ ทีมกล้อง ทีมไฟ เขาพยายามทำออกมาให้มันสื่อได้มากที่สุด สื่อความรักตรงนี้ออกมาให้ได้มากที่สุด เราจะไม่ผ่านเลยแม้แต่จุดเดียวครับ

สุดท้ายเราภูมิใจในผลงานนี้?

แจม : ภูมิใจมากครับ

อย่างน้องฟิล์มเราต้องมีการเตรียมตัวยังไงบ้างเพื่อไม่ให้เขินอาย?

แจม : วันที่ถ่ายเลิฟซีนวันนั้นนั่งรถไปด้วยกัน ผมติดรถพี่ฟิล์มไปที่กองแล้วก็ไม่คุยกันเรื่องฉากเลิฟซีน ไม่คุยกันเรื่องนี้เลยครับ ไปรอเจอกันตรงนั้นสดๆ พี่ฟิล์มก็เป็นมืออาชีพ ผมก็เคยผ่านเลิฟซีนหนักๆ มาแล้วในเวลากามเทพ ผมรู้สึกว่าการเล่นเลิฟซีนมันไม่ได้หนักหน่วงสำหรับผม ความหนักหน่วงสำหรับผมคือความนุ่มนวล อ่อนโยนมากกว่า เพราะผมเป็นคนแข็งๆ พี่ฟิล์มก็ช่วยปรับตรงนั้นให้

สำหรับตัวเองรู้สึกว่ายากไหม?

แจม : ไม่ยากครับ

เรื่องนี้เรื่องแรกไหมที่เลิฟซีนแบบนี้?

แจม : ใช่ครับ เป็นเรื่องแรกเลยครับ เรื่องเลิฟซีนไม่เลิฟซีนเรารู้ตั้งแต่ตอนอ่านบทแล้ว เราเทคไปที่ความรักมากกว่า ในมุมมองผม ผมมองแบบนี้นะ มันคือความรัก มันจะแสดงออกแบบไหนก็ช่าง แต่ทั้งสองคนมันรักกัน

แจม รชตะ เผยชีวิตจากตัวประกอบค่าตัว 400 สู่พระเอกดาวรุ่งสุดฮอต

กลัวคนติดภาพไหม?

แจม : ไม่กลัวครับ ผมรู้สึกว่าการแสดงเราต้องรับให้ได้ทุกบทบาท จะเป็นบทคนบ้า บทหลุดโลก หรือบทชายรักชาย ชายรักหญิง ทุกอย่างมันมาด้วยพื้นฐานของความรู้สึก เราเล่นละคร ไม่ว่าเล่นบทไหน ถ้ามันนำทางด้วยความรู้สึกมันเล่นได้หมดอยู่แล้ว

ฉากนี้ทำให้ละครคุณชายติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของโลก?

แจม : มันว้าวมาก มันเซอร์ไพรส์สุดๆ เลย เพราะเราไม่เคยคิดเลยว่าชื่อเราหรือชื่อละครที่เราเล่นมันจะไปอยู่ระดับโลกได้ แค่ขึ้นอันดับ 1 ของไทยเราแบบปลื้มสุดๆ แล้ว คุยไป 3 บ้าน 4 บ้าน นี่ขึ้นอันดับโลก

ฟิล์มกับแจมเคมีเข้ากันขนาดนี้เคยเล่นละครด้วยกันมาก่อนไหม?

แจม : ไม่เคยครับ แต่รู้จักกันส่วนตัวอยู่แล้ว

เรื่องนี้เปลี่ยนชีวิตไหม?

แจม : เปลี่ยนเยอะมากครับ 1. คือทัศนคติในการใช้ชีวิต เราอยู่ร่วมกับคนอื่น เราต้องเห็นใจคนอื่นมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ฟิล์มจะสอนตลอด เพราะพี่เขาผ่านประสบการณ์มาก่อน อีกอย่างเรื่องการใช้ชีวิตมันดีขึ้น เราใช้เงินได้คล่องขึ้น ย่าอยากได้อะไรเราให้เขาได้ เพราะทุกๆ ครั้งที่ย่าเขาลำบาก เราต้องดีเลย์ แบบแม่แป๊บนึงนะขอหาเงินก่อน หรือว่าต้องหาอะไรมาหมุน แต่พอช่วงนี้มีงานเยอะขึ้น เราก็มีรายรับมากขึ้น เราก็ซัพพอร์ตย่าได้มากขึ้น

คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือย่า?

แจม : ครับ เวลาผมป่วยอยากให้ย่ามาอยู่ตรงนี้จัง อยากกลับบ้าน มันเหนื่อยแล้วมันอยู่คนเดียว แล้วเราคิดถึงตอนที่ย่าอยู่ด้วยแล้วเขานวดให้ เขาอะไรให้ เรารู้สึกถ้าวันหนึ่งเราไม่มีล่ะ มันคิดไปถึงอนาคตแบบอย่างนั้น ผมร้องไห้ทุกครั้งเวลาที่นอนอยู่บ้านแล้วคิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา

ขอโทษนะตอนนี้ย่ายังแข็งแรงอยู่ไหม?

แจม : ป่วยด้วยครับ ถ้าใช้ชีวิตปกติก็ยังใช้ได้อยู่ ก็ตามอายุครับ

คุณย่าป่วยเป็นอะไร?

แจม : ล่าสุดตอนนี้เป็นโรคไตครับ ระยะ 3 ท่านก็ปกติดี แต่โรคแบบนี้เราไปดูที่ข้างนอกไม่ได้ มันต้องตรวจและต้องดูยาวๆ ไปว่าจะเป็นยังไง แต่ผมพยายามบำรุง ตอนนี้ย่าปรับอาหาร กินยาตามหมอสั่ง เวลาย่าอยากของหวาน เราก็ตัดด้วย บอกย่าว่ามันต้องใช้เวลาเท่านี้เดี๋ยวมันก็ชินไปเอง จะได้อยู่ดูแจมเล่นละครไปนานๆ หลายๆ เรื่อง

อยากจะบอกอะไรกับย่า?

แจม : อยากให้แม่รักษาสุขภาพแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ครับ ช่วงนี้แจมอาจจะโทรหาน้อย เพราะว่างานมันหนักขึ้นมากๆ มันเป็นช่วงปรับตัว บางอย่างที่แม่ลดได้ก็ขอให้ลดลง พวกอาหารรสจัดอะไรอย่างนี้ แล้วก็อยู่ดูกันไปนานๆ นะครับ เดี๋ยวจะกลับไปบ้านเร็วๆ นี้แหละ คิดถึง

แจม รชตะ เผยชีวิตจากตัวประกอบค่าตัว 400 สู่พระเอกดาวรุ่งสุดฮอต

คุณย่าเคยบอกไหมว่าภูมิใจในตัวเราขนาดไหน?

แจม : เขาเล่าให้คนอื่นฟังครับ เขาจะไม่พูดกับเรา เขาจะเขิน แม้กระทั่งกอดกันเขาก็เขิน แต่ตอนเด็กๆ หอมแก้มกันประจำ แต่พอโตเป็นหนุ่มแล้วเขาจะบอกว่าลูกเป็นหนุ่มแล้วไม่กล้าบอก แต่จะไปบอกคนอื่น เวลาเราอยู่ด้วย เราก็แอบได้ยิน ย่าภูมิใจนะที่หลานได้อะไรอย่างนี้

แจมใช้คำว่าแม่ตลอด แสดงว่าย่าคือแม่?

แจม : ผมเรียกย่าว่าแม่ครับ

เกิดมา 18 วัน คุณปู่ คุณย่า มาดูแลเราเลย?

แจม : ถ้าปู่นับตั้งแต่วันก่อนเกิดด้วยครับ พาแม่ขับรถไปที่โรงพยาบาลเลย พาแม่ไปคลอด พอคลอดเสร็จก็คงอยู่ด้วยกัน ดูแลกันไปเรื่อยๆ พอคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันหลังจากนั้นย่าก็เป็นคนรับช่วงต่อแล้ว ผมจำความได้ย่าก็คือแม่ผมแล้ว

เห็นว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งเราอยากรู้จักคุณแม่มาก จนย่าพูดมาประโยคงหนึ่งว่ายังไง?

แจม : ผมบอกว่าทำไมแม่คนอื่นเขาสาวจัง ทำไมแม่เราถึงแก่ว่าคนอื่น แล้วทำไมคนอื่นมีแม่ไปที่โรงเรียนตลอด ทำไมเราไม่เห็นมี ย่าก็บอกว่านี่ไงแม่ คนนี้อะแม่แต่เรารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เราโตมาแล้ว เราก็เลยถามไปตรงๆ เลยว่าแม่อ้ออยู่ไหน อยากเห็นรูป ย่าก็เลยเอารูปออกมาให้ดู ก็เลยรู้ว่าหน้าคุณแม่ที่ให้กำเนิดเป็นแบบนี้

คุณตา คุณยาย แล้วก็แม่ ตามหาเราจนเจอ?

แจม : ตามหาจนเจอครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 11 ขวบ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าขั้นตอนของปู่กับตาเขาคุยกันยังไง ตอนนั้นเทคโนโลยีมันไม่ได้ขนาดนี้ อยู่ดีๆ ย่ามาบอกว่าตาเขาติดต่อมาเจอปู่แล้วนะ เราก็เจอตาแล้ว เขาติดต่อกลับมาตั้งนานแล้ว เดี๋ยวตาจะมาหา

วันนั้นรู้ไหมว่าแม่จะมาด้วย?

แจม : ไม่รู้ครับ แม่ยังไม่มารอบแรก แม่มารอบที่สอง เราเจอตากับยายก่อน

วันที่เจอตากับยายเป็นยังไง?

แจม : คือผมมีปู่มีย่าที่เป็นอะไรต่างๆ เยอะไปหมด พอเจอตากับยาย เรารู้สึกนี่เหรอฝั่งแม่เรา เราเจอสักที เราก็มีนะ

ครั้งที่ 2 ที่แม่มาเป็นยังไง?

แจม : ได้คุยโทรศัพท์กันก่อน รู้สึกว่าแม่เสียงหวานจังเลย เสียงดูเด็กๆ อยู่เลย จะเป็นแบบในรูปหรือเปล่า เราก็คิดเนอะ พอเรามาเจอจริงๆ เหมือนในรูปเลย ขนยาวเหมือนเรา ผมขนแขนยาว พ่อชอบพูดว่า ขนแขนยาวเหมือนแม่เลยไม่ต้องไปโกนออกนะ พอไปเจอแม่จริงๆ แม่ก็เหมือนกัน

คุยกันถูกคอไหม?

แจม : เขินพี่ แต่มันไม่ได้เหมือนในหนังที่เจอปุ๊บร้องไห้ เรารู้สึกว่าเราไม่ขาด เพราะเรามีปู่กับย่าซัพพอร์ตตลอดเวลา เราเรียกย่าว่าแม่ พอเจอแม่เรารู้สึกว่านี่เหรอ แม่ที่ให้กำเนิดเรา คนนี้นี่เอง

จากวันนั้นยังคุยมาตลอดไหม?

แจม : คุยกันเรื่อยๆ ครับ แต่มีช่วงปีหลังๆ เราทำงานหนัก แม่ก็เปลี่ยนมาทำงานอย่างอื่น ต่างคนต่างแยกกันทำงาน ก็มีไปเจอครับ ผมก็ขับรถไปหาคุณตา คุณยาย ขับรถไปหาย่า เหมือนผมตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็เหมือนแยกออกจากย่ามาแล้ว

เห็นบอกมีอยู่ช่วงหนึ่งที่บ้านคุณแม่ชวนไปอยู่ด้วย แต่น้องไม่ไป?

แจม : ตอนแรกๆ เลยครับ เหมือนหยั่งเชิงกัน ปู่กับตา ตาถามจะไปไหม ปู่สวนมาเลยไม่ไป แต่ในความรู้สึกผมด้วยความผูกพัน ยังผูกพันกับปู่ ย่า

ณ วันนี้แม่แท้ๆ เห็นความสำเร็จของเราไหม?

แจม : เห็นครับ เขาทักมา แต่เขาจะไม่พูด เขาจะชมว่าลูกคุณแม่หล่อจัง แต่คนที่ชมบ่อยที่สุดคือพ่อ พ่อเห่อมาก ไปพูดกับคนนั้นคนนี้ ละครยังไม่ออนเลย

อยากจะบอกอะไรกับพ่อแม่?

แจม : แจมมีเวลาให้น้อยในช่วงนี้ก็ขอโทษด้วย เดี๋ยวมีเวลาหรือโอกาสมากกว่านี้เดี๋ยวแจมจะไปหา แล้วก็หวังลึกๆ ว่าอยากให้ทั้งสองคนมาเจอกัน มาเจอพร้อมกัน 3 คน อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง รักทั้งสองคนครับ

ช่วงหนึ่งเห็นบอกว่าเป็นเด็กดื้อประมาณหนึ่ง เหมือนลองทุกอย่าง?

แจม : มันมีหลายอย่างครับ ส่วนตัวผมเป็นเด็กชนบท เขาก็จะมีกิจกรรมแปลกๆ ที่คนกรุงเทพฯ เขาไม่ทำกัน ช่วงนั้น เซเว่นยังไม่มี ถ้าอยากไปห้องแอร์ต้องไปร้านเกม แต่ก็ต้องมีเงิน ก็ต้องไปหาของป่ามาขาย หาปลา หางูเห่าด้วย เพื่อเอาเงินไปร้านเกม ไปซื้อขนมกิน

แล้วตอนไหนที่โดนปืนจ่อ?

แจม : ช่วง ม.3 ครับ ประมาณ 15 ครับ ไปกินหมูกระทะกับเพื่อนที่อีกอำเภอก็ขี่มอเตอร์ไซค์กันไป ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราคึกคะนอง ต่างคนก็ต่างพกอาวุธไป แต่ผมไม่พก ผมพกอย่างเดียวคือพระ และของขลังของผมที่ผมมีรัดเอวไว้ เพราะผมไม่ได้ต้องการไปตีกับใคร ผมไปกินข้าว พอไปจอดที่ร้าน ลงรถปุ๊บมีรถอยู่ 2 คันขี่ผ่านมา เป็นมอเตอร์ไซค์ คันหนึ่งขี่ผ่านไปแล้ว อีกคันหนึ่งจอดเดินลงมา โยนลูกกลมๆ มา เพื่อนผมก็เตะหนี ปรากฏว่าคนที่มันโยนมามันไปจับ แล้วบอกว่าโทษทีระเบิดด้าน เป็นระเบิดปิงปอง แล้วมันก็ขี่รถออกไป ผมก็ยืนงงกัน อะไรวะ คือมันเร็วมาก แล้วมีอีกคันขี่มา ผมยืนอยู่แถวสอง เมื่อกี้ยังงงอยู่เลย อีกคนหนึ่งมาผมคิดว่าอาจจะมาขอโทษ หรือมาอะไรสักอย่างหรือเปล่า แล้วชี้มามันเห็นแค่เป็นเงาๆ แล้วมันก็ยิง เป็นปืนปากกาจ่อหัวผม ผมก็มองว่าอะไร คิดว่าเอาปากกามาชี้หรือเอานิ้วชี้ พอมันยิงเสร็จมันบอกโทษๆ กระสุนด้าน แล้วมันก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ไป

แจม รชตะ เผยชีวิตจากตัวประกอบค่าตัว 400 สู่พระเอกดาวรุ่งสุดฮอต

แต่เราไม่เคยมีปัญหากับเขามาก่อน?

แจม : ผมไม่รู้จัก ผมถามเพื่อนมีใครรู้จักไหม ไม่มีใครรู้จักเลย แต่ทุกคนในนั้นเล่นของกันหมดเลย สักยันต์ ห้อยพระ แต่ผมไม่สัก ผมจะห้อยพระ ห้อยตะกรุด ผมไม่รู้วันนั้นอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ที่วันนั้นกระสุนด้านจริง แต่ถ้ามันลั่นมาล่ะ.

แจม รชตะ เผยชีวิตจากตัวประกอบค่าตัว 400 สู่พระเอกดาวรุ่งสุดฮอต