“ผมชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์ และลูกก็ชอบด้วย ซึ่งจุดเริ่มต้นเรื่องนี้เริ่มจากเขารบเร้าขอไปกับป๊ากับแม่ ก็เลยให้เขาได้ลองไปด้วยทริปแรก คิดว่าเขาจะเข็ด แต่ไม่เลย กลายเป็นเขาชอบมาก“ เสียงจาก “ฟลุ๊ค-อริยวุฒิ ไชยจำนงค์” บอกเล่ากับเราถึงจุดเริ่มต้นของการ พาลูกชายออกตระเวนเดินทางท่องเที่ยวด้วย “รถมอเตอร์ไซค์” และได้นำเรื่องราวระหว่างเดินทางมาถ่ายทอดผ่านทางเพจชื่อ “Baby Biker” จนสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ ครอบครัว ซึ่งเส้นทางกว่าจะมาเป็น “พ่อลูกคู่ซิ่ง” นั้น ก็น่าสนใจและน่าค้นหาไม่ใช่น้อย ที่วันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” มีเรื่องราวมานำเสนอ…
“ครั้งแรกที่ผมกระเตงพาเขาไป เส้นทางที่เดินทางนั้น ทั้งไกล ทั้งเจอฝน แต่เขาไม่เข็ด แต่ชอบเสียอีก ถึงแม้จะมีบ่นบ้างตามประสาเด็กว่าเมื่อยตูด (หัวเราะ) แต่เขาก็ชอบ แถมหลัง ๆ มาถามตลอดว่าเมื่อไหร่ป๊ากับแม่จะพาไปออกทริปอีก” เจ้าของเพจดัง “Baby Biker” อย่าง ฟลุ๊ค-อริยวุฒิ บอกเล่าให้เราฟัง พร้อมเล่าถึงชีวิตของเขาว่า เกิดที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากเกิดได้ไม่นานครอบครัวก็ย้ายกลับไปอยู่ จ.กาฬสินธุ์ ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็กที่ต่างจังหวัด จนเรียนจบชั้นประถมจึงย้ายเข้าเรียนต่อมัธยมต้นที่กรุงเทพฯ ที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย แล้วต่อสายอาชีวะ ที่โรงเรียนเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ จากนั้นก็เรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์

“เอาจริง ๆ ผมเป็นคนที่เกเรพอสมควรนะ ซึ่งผมมีลูกชาย (ฟิกซ์-วินท์ณวุฒิ ไชยจำนงค์) ในช่วงที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 หลังจากที่มีลูกก็ทำให้ผมเริ่มหันมาคิดถึงลูก จึงกลับมาตั้งใจเรียนและเลิกอบายมุขทุกอย่าง โดยตั้งใจว่าจะสู้ไปพร้อมกับแฟน (รวินท์นิภา เณรเทียน) เพื่อไม่ให้ใครมามองว่าลูกทำให้เราลำบาก” เป็นเส้นทางชีวิตบางช่วงที่ ฟลุ๊ค-อริยวุฒิ บอกเรา ก่อนจะเล่าต่อว่า ช่วงที่แฟนต้องอุ้มท้องไปเรียน ก็แน่นอนว่าไม่ได้มีคนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่เขากับแฟนก็อดทนกัดฟันต่อสู้จนผ่านจุดนั้นมาได้ โดยพยายามทำให้คนอื่นเห็นว่า ลูกไม่ได้เป็นตัวปัญหาของพวกเขา และแม้ต้องดร็อปเรียนบางช่วง แต่เขาและแฟนก็สู้ด้วยกันจนเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งการที่ต้องผ่านอะไร ๆ มาด้วยกัน ยิ่งทำให้พ่อแม่ลูกผูกพันกันมาก
“พอผ่านช่วงชีวิตตรงนั้นมาได้ ทำให้ผมและแฟนไม่กลัวปัญหาอะไรอีกเลย เรียกว่าแม้จะมีปัญหาเข้ามา แต่เราสองคนก็พร้อมที่จะสู้กับทุกปัญหา” ฟลุ๊ค เผยความรู้สึกนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจังมุ่งมั่น
ส่วนการท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์นั้น เจ้าตัวเล่าว่า เป็นสิ่งที่อยากทำมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากช่วงอยู่ที่ต่างจังหวัดเขามักจะได้เห็นกลุ่มคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว ซึ่งเขารู้สึกว่าเท่ดี ทำให้มีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวแบบนั้นบ้าง แต่ในตอนนั้นก็ยังไม่มีโอกาส เพราะคุณพ่อของเขาไม่สนับสนุนให้ขี่มอเตอร์ไซค์

“ผมเคยขอคุณพ่อซื้อมอเตอร์ไซค์ แต่ท่านบอกว่าถ้าซื้อก็จะซื้อโลงให้ด้วย เราก็เลยไม่มีมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ส่วนแฟนก็มีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เพราะเคยเกิดอุบัติเหตุ ก็เลยไม่อยากให้เราขี่ เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุ แต่เราดื้อ พอเรียนจบเริ่มทำงานมีเงินก็แอบไปซื้อมอเตอร์ไซค์คันแรก” ฟลุ๊ค พูดถึงจุดเริ่มต้นในการขี่มอเตอร์ไซค์ พร้อมเล่าอีกว่า ครั้งแรกที่แฟนของเขาเห็นมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อ ปรากฏแฟนร้องไห้โฮ ซึ่งเขาหลอกแฟนว่าจะซื้อมาใช้ทำงานหารายได้ โดยจะขี่ส่งอาหารดิลิเวอรี่หลังเลิกงาน แต่เอาจริง ๆ พอซื้อมาก็ไม่ได้ทำงานอย่างที่บอก ใช้ขี่ท่องเที่ยวตามใจตัวเองมากกว่า
“แรก ๆ แฟนก็ไม่เห็นด้วยกับการขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว จนเราเริ่มพูดคุยกันด้วยเหตุผลต่าง ๆ เขาก็เริ่มยอมรับ และยอมซ้อนเราลองออกไปท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์ ซึ่งทริปแรกที่พาแฟนไปด้วย คือทริปที่ อ.สังขละบุรี แรก ๆ เขาก็บ่นว่าเมื่อยก้น แต่ก็เริ่มชอบ เพราะได้ไปไหนด้วยกัน ได้ใช้เวลาด้วยกัน ก็เลยสนับสนุนเราเรื่องนี้” ฟลุ๊ค บอกถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้แฟนของเขา “เซย์เยส” ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แฟนจะยอมรับเรื่องนี้ แต่ในตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ของเขาก็ยังไม่รู้ว่าท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์กัน จนวันหนึ่งเขาเอาลูกชายไปฝากไว้ที่บ้านคุณพ่อ ลูกก็ไปพูดให้ท่านฟังว่า เขาทำเพจชื่อ “Baby Biker” ซึ่งเมื่อคุณพ่อเปิดเจอถึงได้ทราบว่าเขาขี่มอเตอร์ไซค์พาครอบครัวเที่ยว แต่ก็ผิดคาด คือแทนที่จะถูกต่อว่า ปรากฏคุณพ่อไม่ว่าอะไรเลย เพียงแต่บอกว่าเป็นห่วง และขอให้ขับขี่อย่างระมัดระวัง
“ถามว่าการท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์อันตรายไหม? แน่นอนว่าไม่ปลอดภัยเท่ารถยนต์ แต่สำคัญคือคนขี่ต้องมีสติ เน้นความปลอดภัย และต้องไม่ประมาท ซึ่งก็ช่วยทำให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่วนการแบ่งเวลาเที่ยวและทำงานนั้น ตอนนี้ผมทำงานประจำเป็นครีเอเตอร์ตัดต่อกราฟิก ก็จะทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งพอถึงช่วงเย็นวันศุกร์ ผมก็เริ่มออกเดินทาง หรือหากมีวันหยุดยาวก็อาจลาเพิ่ม ซึ่งผมทำอย่างนี้อยู่เป็นประจำทุกอาทิตย์” ฟลุ๊ค บอก

ทั้งนี้ หลังจากที่เริ่มออกเดินทาง เขาก็เปิดเพจเฟซบุ๊กขึ้น เพื่อเอาไว้แชร์ประสบการณ์การเดินทางของครอบครัว “ผมจะโพสต์ไว้ในเพจเสมอว่า…ไปเที่ยว ไม่ต้องรอให้รวยก็ไปเที่ยวได้ เพราะถ้ารอรวย จะไม่ได้เที่ยว เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรวย จึงให้เที่ยวไว้ก่อน โดยเที่ยวตามงบที่เรามี” เขาบอก “สโลแกนประจำใจ” ให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
“ทีมวิถีชีวิต” ยังถามเขาเพิ่มเติมถึง “ที่มา” ในการ “พาลูกซิ่ง” ซึ่งเขาบอกว่า เริ่มพาลูกเดินทางตอนที่อายุ 3 ขวบ ซึ่งลูกเริ่มรู้เรื่องแล้ว แถมยังเป็นเด็กขี้สงสัย อย่างไรก็ตาม ตอนแรกเขาก็ยังไม่อยากจะหอบหิ้วลูกไปด้วย ก็เลยใช้ข้ออ้างว่านั่งมอเตอร์ไซค์ไกล ๆ อันตราย แต่ก็ทนการรบเร้าของลูกไม่ไหวจึงลองพาไปทริปครั้งแรก ซึ่งจริง ๆ ก็อยากให้ลูกเรียนรู้ว่าโลกใบนี้กว้างมาก และการที่ให้ลูกได้ออกท่องเที่ยวพร้อมกันแบบนี้ ก็ดีกว่าปล่อยให้อยู่บ้าน จนกลายเป็นเด็กที่เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ “การที่ลูกได้ออกเดินทางไปท่องเที่ยว ทำให้เขามีความสุข และหัวเราะได้เสียงดังกว่าการนั่งเล่นโทรศัพท์อีก” เจ้าตัวกล่าว
ก่อนจะเล่าถึง “ทริปซิ่งครั้งแรกของพ่อแม่ลูก“ ว่า เป็น ทริปไปภูทับเบิก ซึ่งต้องขี่รถ ระยะทางเกือบ 500 กิโลเมตร ที่ถือว่าไกลมาก และเขาคิดว่าลูกมาครั้งนี้อาจจะเข็ดและไม่อยากมาด้วยอีกแล้ว แต่กลายเป็นว่าลูกชอบมาก มีบางทริปไปเจอฝนตกตลอดทาง แต่ลูกก็ไม่งอแง แถมยังมีความสุขที่ได้ออกท่องเที่ยวกับพ่อและแม่

“จริง ๆ ก็มีคนมองว่าการพาลูกนั่งมอเตอร์ไซค์ไปท่องเที่ยวจะอันตรายไปไหม? ซึ่งตรงนี้ผมยืนยันว่า ผมกับแฟนจะพยายามเซฟตี้และปกป้องเขาให้มากที่สุด ซึ่งก่อนจะออกไปท่องเที่ยว ชุดป้องกัน อุปกรณ์เซฟตี้ หมวกกันน็อก ของลูก จะต้องครบและมีคุณภาพที่ดีที่สุด ซึ่งปกติถ้าเป็นทริปกับเพื่อน ๆ ก็จะขี่โดยใช้ความเร็วในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากเอาลูกไปด้วย ผมก็จะเน้นความปลอดภัยเป็นที่หนึ่ง จะไม่ขี่เร็ว เน้นขี่ไปเรื่อย ๆ ชิลชิล มากกว่า” ฟลุ๊ค ย้ำจุดสำคัญ
ทั้งนี้ ฟลุ๊ค-อริยวุฒิ บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ว่าเขาตั้งเป้าว่าจะเที่ยวแบบนี้ไปจนถึงอายุ 50 ปี แล้วก็จะไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งเลย เพียงแต่อาจเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น ๆ ดูบ้าง และเจ้าของเพจ “Baby Biker” คนนี้ก็ยังฝากบอกทุก ๆ คนด้วยว่า “ถ้าหากมีโอกาส อยากให้ทุกคนได้ลองออกไปหาความสุขให้กับตัวเอง และอย่ามัวแต่คิดว่าต้องรอให้มีเงินมาก ๆ ก่อนถึงจะท่องเที่ยวได้ อยากให้ทุกคนลองเปลี่ยนมุมมองดูบ้าง เพื่อ…ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรอบ”
‘มอเตอร์ไซค์บำบัดชีวิต’

ฟลุ๊ค-อริยวุฒิ ไชยจำนงค์ ได้บอกไว้อีกว่า สำหรับเขา การ “ออกท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์” นั้น “เป็นเสมือนการบำบัดชีวิต” ให้กับตัวของเขา เพราะช่วยให้เขาผ่อนคลายจากการที่ต้องเจองานหนักมาทั้งสัปดาห์ ซึ่งเขาจะรู้สึกดีทุกครั้งเมื่อสายลมและแสงแดดปะทะเข้าหาขณะกำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว โดยการที่เขาออกท่องเที่ยวเป็นประจำทุกอาทิตย์แบบนี้ ก็มีหลายคนที่ถามเขาว่า ใช้ชีวิตแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะรวย? ซึ่งเขาก็ได้แต่ยิ้มรับ ไม่ตอบโต้อะไร เพราะมองว่า ความคิดของใครก็ของคนนั้น “ส่วนผม บอกตัวเองเสมอว่า ที่อยากเที่ยว เพราะอยากให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง ซึ่งผมอาจจะไม่ได้มีเงินเยอะแยะมากมายเท่าหลาย ๆ คน แต่ผมเชื่อว่า การท่องเที่ยวในแบบของผมนี้ แต่ละทริปผมก็ได้รับความสุขไม่แพ้ใครเช่นกัน”.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน