จากกรณีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายฉัตรชัย สุขใจดี อายุ 53 ปี วินรถจยย.เบอร์ 40 เสียชีวิต บริเวณปากซอยเสริมสุข ถนนประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 เม.ย. 65 จากการสอบสวน เจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วชื่อนายสมปองหรือเขียด ทำนองดี อายุ 44 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้างเช่นกัน จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้ตะโกนเรียกผู้ตายที่ขับรถกำลังจะผ่านไปว่าพี่น้อยๆ จากนั้นผู้ตายจึงขับรถย้อนกลับมาหาผู้ก่อเหตุ เมื่อผู้ตายมาถึงผู้ก่อเหตุจึงพูด “ปัญหาน่ะ จะจบได้หรือยัง” ผู้ตายจึงบอกว่า “จบก็จบ” ผู้ก่อเหตุจึงพูดต่อว่า “จบก็จบไป” จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ชักปืนออกมาจากข้างหลังและกระหน่ำยิงผู้ตายคารถจักรยานยนต์จนล้มลงเสียชีวิต
ทั้งนี้ผู้ตายและผู้ก่อเหตุเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน เคยดื่มกิน และทำซุ้มไก่ด้วยกัน แต่พักหลังเริ่มห่างกันเพราะผู้ตายเลิกดื่มกิน และมีปัญหาไม่ลงรอยกัน เวลาขับรถผ่านก็จะมีการเบิ้ลรถจักรยานยนต์ใส่กัน แต่ไม่ถึงกับมีเรื่องชกต่อยหรือลงไม้ลงมือ ก่อนหน้านี้ได้มีการเรียกทั้งคู่มาพูดคุยและปรับความเข้าใจกัน ซึ่งทั้งคู่ก็รับปากว่าจะจบเรื่องนี้ โดยปกติพื้นฐานนิสัยของทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง แต่สำหรับตัวผู้ก่อเหตุ ถ้ามีการดื่มกินก็อาจจะมีการโวยวายบ้าง บางครั้ง ซึ่งเมื่อคืนทราบว่าเป็นวันเกิดของนายสมปอง หรือเขียด ตัวผู้ก่อเหตุ
ต่อมาเวลา 12.00 น. ฝ่ายสืบสวนนำตัว นายสมปอง หรือเขียด ทำนองดี อายุ 44 ปี ผู้ก่อเหตุเข้ามาสอบปากคำที่ห้องฝ่ายสืบสวน ภายหลังญาติพามามอบตัวโดยไม่ได้มีการพูดจาใดๆ กับสื่อมวลชน ส่วนญาติผู้ตายเมื่อรู้ว่าผู้ก่อเหตุเข้ามาที่ห้องฝ่ายสืบสวนแล้วก็รู้สึกโกรธแค้น พยายามจะวิ่งเข้าไปหา แต่ทางญาติๆ ก็ช่วยห้ามไว้ จึงไม่เกิดเหตุรุนแรง
ต่อมา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เดินทางมาที่สน.ประชาชื่น เพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าว ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยหลังก่อเหตุหลบหนีไปยังบ้านแม่ ภายในซอยเพิ่มสิน เขตสายไหม เจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามตัวไป แต่มารดาของผู้ต้องหาได้เกลี้ยกล่อมและพาผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ส่วนสาเหตุที่ทำไป มาจากปัญหาโกรธเคืองกันมาตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีการพูดคุยเคลียร์ปัญหากันมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่จบ ประกอบกับก่อนเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุมีการดื่มสุรา เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นนายฉัตรชัย ผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี จึงได้มีการเรียกเพื่อพูดคุยเคลียร์ปัญหากันอีกครั้ง ก่อนจะก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .22 ที่พกติดตัวไว้ยิงเข้าใส่ผู้เสียชีวิตจำนวน 6 นัด สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาซื้อมาในราคา 7,000 บาท โดยซื้อมาพกติดตัว ตั้งแต่เริ่มมีปัญหากัน แม้ที่ผ่านมาทั้งคู่จะทะเลาะกัน กระทำรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุ ไปตรวจค้นหาอาวุธปืน รวมถึงรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมทั้งเตรียมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น, ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในที่หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนจะคุมตัวสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป.