วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566
ATP30 กางแผนปี 66 ตั้งเป้าออลไทม์ไฮ รายได้โต 10% ชูกลยุทธ์พัฒนาเทคโนโลยี ยกระดับความสามารถการแข่งขัน ผุดกำลังเสริมรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่ม ขานรับเทรนด์ลดคาร์บอนฯ ทุ่มงบ 180 ล้านบาท เตรียมลงทุนรถใหม่ 60 คัน ภาพรวมเศรษฐกิจหนุน โซน EEC คึกคัก โรงงานภาคการผลิตแนวโน้มโตดี ลูกค้าต่อคิวใช้บริการเพียบ
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2566บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาเทคโนโลยียกระดับความสามารถการแข่งขัน ตั้งเป้าผลประกอบการทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) รายได้เติบโต 10%
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพ ทั้งระบบบริหารจัดการภายใน และระบบบริหารการเดินรถอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้รถไฟฟ้า เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 1 มกราคมแล้วจำนวน 5 คัน โดยบริษัทติดตั้งสถานีชาร์จไฟ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการเดินรถฟลีตนี้ประมาณ 50% และคาดว่าจะสามารถขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า 60 ราย จำนวนรถ 620 คัน รถร่วมบริการ 72 คัน ให้บริการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยมี Backlog ระยะเวลา 3 ปีประมาณ 1,900 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจราจากับลูกค้าอีกหลายราย ทั้งนี้ บริษัทวางแผนลงทุนรถใหม่ในปีนี้จำนวน 60 คัน แบ่งเป็นรถบัสและมินิบัสไฟฟ้าจำนวน 30 คัน และรถตู้น้ำมันจำนวน 30 คัน โดยตั้งงบประมาณการลงทุนราว 100-180 ล้านบาท
“ภาพรวมธุรกิจในปีแนวโน้มเติบโตดี ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) รวมถึงนโยบายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ ATP30 สนใจใช้บริการทั้งรถรับส่งพนักงานน้ำมันและรถไฟฟ้ามากขึ้น โดยบริษัทมีความพร้อมในการจัดหารถและให้บริการ อีกทั้งในปีนี้บริษัทพัฒนาการบริหารจัดการภายในอย่างเข้มงวด ปรับปรุงการบริหาร และควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เชื่อว่าจะผลักดันผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้น”